xs
xsm
sm
md
lg

นายกฯ มอบนโยบายและแนวทางการจัดทำงบฯ 68 ตั้งเป้า ศก. 4 ปี ต้องโตเฉลี่ย 5% ทำเงินดิจิทัลให้สำเร็จ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“เศรษฐา” เปิดสัมมนามอบนโยบายและแนวทางการจัดทำงบประมาณ ปี 68 ตั้งเป้าหมายเศรษฐกิจประเทศไทย 4 ปีจะต้องโตเฉลี่ย 5% ย้ำ เรือธงรัฐบาลทำ Digital Wallet ให้สำเร็จ

วันนี้ (12 ม.ค.) เวลา 14.00 น. ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ ชั้น 1 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานพิธีเปิดโครงการประชุมสัมมนาการมอบนโยบายและแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วย รัฐมนตรี รวมถึงหัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจเข้าร่วม โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วม Video Conference นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า

นายกรัฐมนตรี กล่าวมอบนโยบายและแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ตอนหนึ่งว่า จุดประสงค์ของการประชุมวันนี้ ขอมอบนโยบายและกรอบแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการตามนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่ต่อเนื่องจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ในช่วงการบริหารราชการแผ่นดินที่ผ่านมา ได้เดินหน้าในการแก้ไขปัญหาของประชาชนและประเทศ เพื่อสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจ เพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ดึงดูดนักท่องเที่ยว โดยมุ่งเน้นการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส ดูแลคุณภาพชีวิตและความมั่นคงให้กับประชาชนทุกคน

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า ทุกท่านทราบดีว่า รัฐบาลเข้ามาบริหารในช่วงที่ประเทศประสบความท้าทายในเรื่องความสามารถในการผลิตและการแข่งขัน ปัญหาการส่งออกชะลอตัวลง ภูมิรัฐศาสตร์โลกใหม่ที่มีความไม่แน่นอนสูง ทุกท่านทราบดี รัฐบาลเข้ามาบริหารในช่วงที่ประเทศประสบความท้าทายในเรื่องความสามารถในการผลิตและการแข่งขัน ปัญหาการส่งออกชะลอตัวลง ภูมิรัฐศาสตร์โลกใหม่ที่มีความไม่แน่นอนสูง การรับมือกับผลกระทบต่างๆ ทั้งจากภัยพิบัติและมลพิษที่รุนแรงขึ้น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเปลี่ยนผ่านสู่สังคมและเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ปัญหาสุขภาพที่ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล การเข้าสู่สังคมสูงวัย ปัญหาสวัสดิการภาครัฐที่เพิ่มสูงขึ้น จนเป็นภาระการเงินการคลังของประเทศ มีกลุ่มเปราะบางที่ตกหล่น ภาระหนี้ของทั้งภาครัฐและเอกชนพุ่งสูงขึ้น ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจสูงขึ้น การจัดเก็บรายได้ของรัฐเทียบกับ GDP ลดลงอย่างต่อเนื่อง อัตราภาษีที่ยังขาดความเป็นธรรม ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน และยาเสพติด ที่ทวีความรุนแรงขึ้น จนทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนและความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากข้อมูลพบว่า รายได้ต่อหัวของพี่น้องคนไทยเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สิงคโปร์ บูรไน มาเลเซีย เราต่ำกว่าเขาตลอด อันดับขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศก็แทบไม่ขยับ แรงงานจำนวนมากอยู่ในภาคเกษตร มีผลิตภาพต่ำและประสบปัญหาไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินทำกิน เข้าไม่ถึงระบบชลประทานและแหล่งน้ำ ครัวเรือนเกษตรติดกับดักหนี้ที่เกินศักยภาพที่จะชำระได้ รวมทั้งยังไม่ได้ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการเพิ่มผลผลิต สร้างมูลค่า และลดปัญหาสิ่งแวดล้อม ปัญหาฝุ่น PM 2.5 โดยเฉพาะในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล มีแนวโน้มสูงขึ้นในช่วงต้นปีและปลายปีของทุกปี ส่งผลให้เกิดความแห้งแล้ง และปริมาณฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐานในหลายพื้นที่ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชน และส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวเศรษฐกิจ และสังคม ซึ่งปัญหาเหล่านี้ต้องการการแก้ไขอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ ผ่านการดำเนินนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล จึงขอให้ทุกหน่วยงานยึดตามนโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภาเป็นหลัก นโยบายที่ดำเนินการภายใต้รัฐบาลนี้ จะต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน จับต้องได้อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้ประชาชนสบายใจได้ว่าภาษีของพวกเขาถูกใช้ในการสร้างประโยชน์ให้กับประเทศ

นายกรัฐมนตรี เผยในด้านเศรษฐกิจ แม้ 4 เดือนที่ผ่านมา จะเป็นระยะเวลาที่ไม่นาน รัฐบาลก็ได้ดำเนินนโยบายหลายประการบนงบประมาณไปพลางก่อน และอีกหลายนโยบายที่นายกรัฐมนตรีได้ผลักดันโดยไม่ต้องใช้งบประมาณ นโยบายที่สำคัญด้านเศรษฐกิจ จะครอบคลุม 8 กลุ่มย่อยด้วยกัน ได้แก่ 1) พลังงาน 2) เกษตร 3) ท่องเที่ยว 4) โครงสร้างพื้นฐาน 5) การดึงดูดการลงทุน 6) การทูตเชิงรุกและการค้าชายแดน 7) Soft Power และ 8) ค่าแรงขั้นต่ำ ซึ่งเป้าหมายยังชัดเจนเหมือนเดิม เศรษฐกิจประเทศไทย 4 ปีจะต้องโตเฉลี่ย 5% ให้ได้

“ทุกคนทราบว่าหนึ่งในนโยบายเรือธงของรัฐบาลนี้คือการทำ Digital Wallet ให้สำเร็จ แม้ว่าในวันนี้ เราจะเดินหน้าออก พ.ร.บ. กู้เงินก็ตาม แต่ก็ขอให้ไม่ลืมที่จะตั้งงบประมาณเผื่อไว้ ในกรณีที่ต้องใช้พัฒนาและดำเนินโครงการด้วย แต่ขอให้ตั้งอย่างสมเหตุสมผล ในปีงบประมาณ 2568 การใช้จ่ายภาครัฐจะมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการดำเนินนโยบายของรัฐบาลทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม นโยบายทั้งหมดของรัฐบาลที่ตนเองกล่าวไปนั้น จะต้องอาศัยการทำงานบูรณาการกันเป็นอย่างมาก มีความเชื่อมโยงหลายส่วน การจัดทำงบประมาณ จะต้องขอให้สำนักงบประมาณช่วยคอยดูทั้งตัวชี้วัด งบประมาณที่ขอ เพื่อไม่ให้เกิดความซ้ำซ้อน และต้องดูรายละเอียดเนื้อหาให้ถี่ถ้วนด้วยว่าตอบโจทย์ของรัฐบาลหรือไม่ ในปีงบประมาณ 68 จะเป็นการดำเนินการที่ต่อเนื่องจากปี 67 โดยช่วงเวลาการทำงานจะทับซ้อนกัน จึงขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ให้ความร่วมมือในการดำเนินการ เพื่อผลักดันให้การจัดทำงบประมาณตอบโจทย์ความต้องการ และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด ทั้งนี้ เพื่อให้หน่วยงานสามารถจัดทำคำของบประมาณที่สอดคล้องกับจุดเน้นตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องดำเนินการในปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 จำนวน 142 ประเด็น สำนักงบประมาณจึงอยู่ระหว่างดำเนินการนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อปรับปรุงปฏิทินงบประมาณ โดยขยายระยะเวลาการจัดส่งคำขอได้ถึงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 ต่อไป” นายกฯ ย้ำ


กำลังโหลดความคิดเห็น