xs
xsm
sm
md
lg

"บิ๊กหิน" ปธ.บอร์ด ทอท.เปิดวิสัยทัศน์ เร่งแก้คอขวดสนามบิน ดันขยายเทอร์มินัลด้านเหนือ "สุวรรณภูมิ" รับ 90 ล้านคน/ปี

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"บิ๊กหิน" ปธ.บอร์ด ทอท.เปิดวิสัยทัศน์ กางนโยบายเร่งด่วนปรับปรุงพื้นที่ทางกายภาพและระบบอำนวยความสะดวกแก้คอขวด "สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง" เดินหน้าขยายขีดความสามารถ ดันสร้างอาคารผู้โดยสารด้านทิศเหนือรับ 90 ล้านคนต่อปี

เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2567 พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ประธานกรรมการ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT) หรือ ทอท. พร้อมด้วยคณะกรรมการ ทอท.ที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่ ได้ร่วมรับฟังการบรรยายสรุปภารกิจการดำเนินงานของ ทอท.จากคณะผู้บริหาร นำโดย นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. ที่ห้องประชุม AOB1 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) จากนั้นได้นำคณะเดินตรวจเยี่ยมพื้นที่อาคารผู้โดยสาร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รวมถึงอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (Satellite 1: SAT-1) ด้วย

พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ประธานบอร์ด ทอท. เปิดเผยว่า ตนได้รับโอกาสให้มาทำหน้าที่ประธานกรรมการฯ ในครั้งนี้ถือเป็นเรื่องท้าทาย เนื่องจากทุกประเทศกำลังเร่งส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยวและตลาดทุนจากต่างชาติ หลังสถานการณ์โควิด ซึ่งสนามบินถือเป็นประตูบานแรกที่สำคัญในการเปิดรับการเดินทางและการขนส่งของประเทศ จึงมีการแข่งขันเพื่อยกระดับสนามบินของแต่ละประเทศให้ขึ้นแท่นสนามบินที่ดีระดับโลก รวมถึงสนามบินของไทยเราที่มีความได้เปรียบด้านภูมิยุทธศาสตร์ของภูมิภาค โดยมีวิสัยทัศน์ “ยกระดับการเป็นศูนย์กลางการคมนาคมขนส่งทางอากาศแห่งภูมิภาค สู่ประตูการบินของโลก” เพื่อกระตุ้นการขับเคลื่อนให้สนามบินของ ทอท.ติดสนามบินดีสุดอันดับต้นของโลกให้ได้


ปัจจัยสู่ความสำเร็จ Key success Factors ที่มุ่งเน้นมี 5 ข้อ คือ 1. ให้คุณค่ากับ Manpower ทุกระดับ ทุกฝ่าย 2. สร้างความมั่นใจทางธุรกิจ เพื่อความมั่นคงในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง 3. ความโปร่งใสตรวจสอบได้ คือหัวใจสำคัญ 4. สร้างการยอมรับจากสังคม ประชาชน ผู้ใช้บริการ ทุกส่วนในอุตสาหกรรมการบิน 5. บูรณาการการทำงานทุกภาคส่วนในอุตสาหกรรมการบินในรูป Home team เพื่อมุ่งสู่ความสำเร็จร่วมกัน

นโยบายเร่งด่วนที่เร่งทำทันที คือ 1. เร่งปรับปรุงพื้นที่ทางกายภาพและระบบอำนวยความสะดวกทั้งระบบในและนอกอาคารผู้โดยสารของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) ให้พร้อมตอบสนองนโยบายเพิ่มปริมาณนักท่องเที่ยวและนักลงทุนต่างชาติของรัฐบาล 2. การเร่งบูรณาการความร่วมมือทุกภาคส่วน เพื่อยกระดับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นสนามบินชั้นนำตามมาตรฐานสากลให้ได้ในปี 2567

@เร่งสร้างอาคารผู้โดยสารด้านทิศเหนือ "สุวรรณภูมิ" รอ สศช.เคาะก่อนชง ครม.

ส่วนนโยบายระยะต่อเนื่อง มี Flag Ship Project สำคัญ 4 โครงการ คือ 1. เร่งขยายอาคารผู้โดยสาร 2. ท่าอากาศยานหลักคือ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และดอนเมือง โดยจะสร้างส่วนต่อขยายอาคารผู้โดยสาร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิฝั่งทิศเหนือ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารได้เป็น 90 ล้านคนต่อปี โดยขณะนี้สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กำลังพิจารณาเพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติงบประมาณต่อไป

ส่วน สนามบินดอนเมือง จะมีการปรับปรุงก่อสร้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ
อาคาร 1 ให้เป็นอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ เพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารจาก 30 ล้าน เป็น 50 ล้านคนต่อปี เพื่อแก้ปัญหาพื้นที่มีความคับแคบ โดยขณะนี้ ครม.ได้อนุมัติงบประมาณเรียบร้อยแล้ว

2. เร่งติดตั้งระบบช่องตรวจหนังสือเดินทางอัตโนมัติ Automatic
Channels ที่สนามบินสุวรรณภูมิ และดอนเมือง ช่วยระบายความหนาแน่นของผู้โดยสารระหว่างประเทศได้คล่องตัวยิ่งขึ้น
ซึ่งเครื่องเดิมของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองมีอายุกว่า 10 ปี และมีจำนวนน้อย
ไม่เพียงพอต่อจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น

3. เพิ่มทางวิ่งเส้นที่ 3 หรือ 3rd Runway ที่ ทสภ. เพื่อรองรับเที่ยวบินเพิ่มจาก 64 เที่ยวบิน เป็น 94 เที่ยวบินต่อชั่วโมง นอกจากนั้น จะมีการปรับปรุงหลุมจอดที่ ทดม. โดยอยู่ระหว่างการออกแบบและขออนุญาต โดยจะอนุมัติได้ในเดือนธันวาคม 2567 นี้ และจะเริ่มก่อสร้างช่วงเดือนกรกฎาคม 2568-ธันวาคม 2573

4. จัดทำ Application “SAWASDEE” บนสมาร์ทโฟน เพื่อรองรับการบริการผู้ใช้บริการสนามบินมี 10 ฟังก์ชัน มีทั้งการค้า (Commercial) หรือ ทอท. Point และฟังก์ชันการบริการอีก 9 รายการ เช่น ด้าน Check-in, Flight & Baggage, Map & Navigation, Transportation, Airport Service, Shopping, Check Flight & Alert, Help Desk เป็นต้น โดยกำลังพัฒนาฟังก์ชันเกี่ยวกับ Customer Feedback และ Contact Us รวมถึง Queue Time และ Taxi Reservation มาใช้ด้วย รวมถึงยังพัฒนาระบบ Common Use Passenger Processing System หรือ CUPPS มาใช้รองรับการบริการที่สนามบินทั้ง 6 แห่งของ ทอท.ด้วย


นอกจากนั้น ในเรื่องของการสร้างผลกำไรในฐานะบริษัทมหาชน ก็ให้ความสำคัญต่อการสร้างการตลาดเชิงรุกทางการบิน ทั้งการสร้างโอกาสแก่สายการบิน ทั้งการวิเคราะห์ตลาด การเงิน และเส้นทางการบิน รวมถึงให้ความสำคัญต่อการบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยในอนาคตจะมีสนามบินภูมิภาคโอนจากกรมท่าอากาศยานมาอยู่ในการบริหารของ ทอท. คือ ท่าอากาศยานบุรีรัมย์ ท่าอากาศยานอุดรธานี และท่าอากาศยานกระบี่ ซึ่งจะต้องมีการร่วมหารือกับทุกฝ่ายทั้งจากส่วนกลางและภูมิภาค เพื่อยกระดับความสามารถของสนามบินทั้ง 3 แห่ง ให้เป็นประตูบานใหม่ของประเทศที่พร้อมเปิดรับนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกให้เข้ามาสร้างรายได้ให้กับพื้นที่ภูมิภาคดังกล่าวตามนโยบายรัฐบาลอีกด้วย

“เราคาดหวังให้สนามบินของเราเป็น Logistic Hub เป็น Cross Border E-Commerce ด้านการขนส่ง ทางอากาศของภูมิภาคที่ได้รับการยอมรับ ซึ่งจะต้องคำนึงถึงปัจจัยการขับเคลื่อนทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นระบบขนส่งสาธารณะ การบริหารพื้นที่อาคาร การพัฒนาระบบบริการโรงซ่อมขนาดเบาอากาศยาน เป็นต้น ที่สำคัญคือ การพัฒนาต้องอยู่บนพื้นฐานความเข้าใจ ทั้งคู่ค้า ลูกค้า และคู่แข่ง เพื่อวางกลยุทธ์ให้บรรลุผลสัมฤทธิ์สูงสุด” พล.ต.อ.วิสนุกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น