MGR Online - พรวุฒิ สารสิน ปลื้มรัฐบาลเศรษฐา หลังร่วมทริปเจรจาดึงอุตสาหกรรมยานยนต์ญี่ปุ่นกลับไทย ขยายการลงทุนรถไฟฟ้าเพิ่ม ย้ำญี่ปุ่นขานรับข้อเสนอเร่งลงทุนเร็วขึ้น 1.5 แสนล้าน ผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางรถไฟฟ้า-รถยนต์สันดาป
วันนี้ (5 ม.ค.) นายพรวุฒิ สารสิน ประธานกรรมการ ประธานบริษัทฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า จากการร่วมเดินทางไปญี่ปุ่นกับคณะนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ในช่วงที่ผ่านมาเพื่อโรดโชว์ชักชวนนักธุรกิจญี่ปุ่นเข้ามาขยายการลงทุนในประเทศไทยเพิ่มเติมในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และอื่นๆ นับเป็นโอกาสที่ดีที่ได้เดินทางร่วมทริปในครั้งนี้ จึงได้เห็นวิธีการทำงานของรัฐบาล ที่ชัดเจน โปร่งใส ตรงไปตรงมากับนักธุรกิจญี่ปุ่น โดยขอให้นักลงทุนญี่ปุ่นที่เตรียมแผนการลงทุนในประเทศไทยไว้แล้วขยับแผนการลงทุนให้เร็วขึ้น และผลิตจำนวนเพิ่มขึ้นด้วย โดยมีวงเงินลงทุนเบื้องต้น 150,000 ล้านบาท เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทย ซึ่งผู้ประกอบการส่วนใหญ่รับเรื่องนี้ไปพิจารณาเพื่อปรับแผนการลงทุน เพราะเห็นแนวทางการปฏิบัติของรัฐบาลที่มีความชัดเจน
ทั้งนี้ บรรยากาศการเจรจาชักชวนให้นักลงทุนญี่ปุ่นปรับแผนการลงทุนในประเทศไทยให้เร็วขึ้น สร้างความประทับใจให้แก่นักลงทุนญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก เนื่องจากรัฐบาลได้เตรียมความพร้อมมาตอบคำถามทั้งมาตรการภาษีส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า สิทธิประโยชน์การลงทุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และรัฐบาลพร้อมจะขจัดปัญหาอุปสรรคต่างๆ ของการลงทุนให้โดยเร็วที่สุด สิ่งใดทำให้ได้ รัฐบาลจะทำให้ก่อน และอะไรที่ติดขัด จะเร่งแก้ไขให้โดยเร็ว เนื่องจากรัฐบาลต้องการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า และยังคงเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์สันดาป เนื่องจากไม่ใช่ทุกประเทศในโลกจะมีความพร้อมเรื่องไฟฟ้า เช่น แอฟริกา ไทยยังต้องส่งออกรถยนต์สันดาปไปจำหน่ายได้ และรัฐบาลพร้อมสนับสนุน อีกทั้งทรัพยากรบุคคลของประเทศก็มีความสามารถ และมีความพร้อมที่จะเชิญชวนผู้เชี่ยวชาญจากต่างชาติเข้ามาทำงานในประเทศไทยเพื่อขับเคลื่อนการค้นคว้า วิจัย ต่อยอดได้ด้วย
นายพรวุฒิกล่าวว่า นักลงทุนญี่ปุ่นถือว่าเป็นนักลงทุนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อประเทศไทยมาอย่างยาวนานกว่า 30-40 ปี ทั้งเป็นประเทศแรกที่มาลงทุนในไทย และลงทุนมากที่สุด และไม่เคยขายกิจการใด นอกจากขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งความสัมพันธ์ระหว่างคนไทยกับคนญี่ปุ่นเป็นความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน คนไทยชอบไปเที่ยวญี่ปุ่น กินอาหารญี่ปุ่น เห็นได้จากร้านอาหารญี่ปุ่นในไทยมีจำนวนมาก คนญี่ปุ่นก็มาเที่ยวไทยเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกัน และในยามวิกฤตเศรษฐกิจ ประเทศญี่ปุ่นเป็นอีกพันธมิตรที่ดีเข้ามาช่วยเหลือเรื่องเงินกู้ และเงินให้เปล่า เพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศไทย
นายพรวุฒิกล่าวต่อว่า อุตสาหกรรมยานยนต์มีส่วนช่วยขับเคลื่อนและผลักดันผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (จีดีพี) ให้เติบโตเป็นอย่างมาก ทั้งก่อให้เกิดอุตสาหกรรมต่อเนื่องจำนวนมาก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมชิ้นส่วนฯ ของไทยเข้มแข็ง สามารถรับจ้างผลิตได้ทั่วโลก ก่อให้เกิดการจ้างงาน สร้างรายได้เข้าประเทศจำนวนมหาศาล และสามารถช่วยเป็นผู้ช่วยออกแบบชิ้นส่วนร่วมกับค่ายรถยนต์ต่างๆ ได้ ซึ่งญี่ปุ่นเป็นประเทศหลักในการผลิตอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย ดังนั้นการที่รัฐบาลไทยไปโรดโชว์ชักชวนนักลงทุนญี่ปุ่นในครั้งนี้ถือเป็นเรื่องราวดีๆ ที่จะกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น
สำหรับนักลงทุนญี่ปุ่นที่เข้าพบนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ในครั้งนั้น ประกอบด้วย 1. โตโยต้า 2. ฮอนด้า 3. อีซูซุ 4. มิตซูบิชิ 5. ซูซูกิ 6. มิตซุย 7. นิสสัน 8. คูโบต้า เป็นต้น