“พาณิชย์” ถกโรงสีเข้ารับซื้อข้าวเปลือกหอมมะลิ หลังฝนตกชุกทำข้าวมีความชื้นสูงกดราคาตก พร้อมเร่งเปิดตลาดนัดข้าวเปลือกเพิ่มขึ้น จากที่เปิดแล้ว 46 จุด ใน 27 จังหวัด มั่นใจจากนี้ราคาปรับตัวสูงขึ้นหลังฝนทิ้งช่วง เผยยังมีมาตรการชะลอการขาย เกษตรกรได้ค่าฝากเก็บตันละ 1,500 บาทหากเก็บในยุ้งฉางตัวเอง และยังได้เงินสินเชื่อจาก ธ.ก.ส. ไปใช้จ่ายก่อน
นายกีรติ รัชโน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ได้หารือกับสมาคมโรงสีข้าวไทย สมาคมโรงสีภาคอีสาน และพาณิชย์จังหวัด ให้ช่วยดูแลสถานการณ์จำหน่ายข้าวเปลือกหอมมะลิในภาคอีสาน หลังพบว่าในช่วงที่ผ่านมาบางพื้นที่มีฝนตกชุก และชาวนาเร่งเก็บเกี่ยว ทำให้ข้าวเปลือกมีความชื้นสูง ส่งผลให้ราคาลดลงตามคุณภาพ โดยข้าวเปลือกสดลดเหลือ 10,700 บาทต่อตัน หรือคิดเป็นข้าวแห้งความชื้น 15% ที่ 13,800 บาทต่อตัน ต่ำกว่าราคาปัจจุบันที่ข้าวเปลือกสด 11,000-11,300 บาทต่อตัน คิดเป็นข้าวแห้งความชื้น 15% ที่ 14,200-14,600 บาทต่อตัน
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ขอความร่วมมือให้โรงสีช่วยรับซื้อข้าวเปลือกจากชาวนาในราคาที่เพิ่มขึ้น และสั่งการให้พาณิชย์จังหวัดเร่งเปิดตลาดนัดข้าวเปลือกเพิ่มเติมจากปัจจุบันที่เปิดแล้ว 46 จุดใน 27 จังหวัด ให้ครอบคลุมการรับซื้อข้าวเปลือกจากชาวนาในทุกพื้นที่ รวมทั้งได้ประสานให้โรงสีนอกพื้นที่เข้าไประดมช่วยรับซื้อข้าวเปลือกจากชาวนาเพิ่มเติมอีกทาง และมั่นใจว่าหลังจากที่ฝนได้ทิ้งช่วงคาดว่าสถานการณ์ราคาข้าวจากนี้จะปรับตัวสูงขึ้น
นายกีรติกล่าวว่า สำหรับมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ได้มีการออกมาตรการชะลอการขายข้าวเปลือก เป้าหมาย 3 ล้านตัน โดยเกษตรกรจะได้รับเงินค่าฝากเก็บ 1,500 บาทต่อตัน และได้รับเงินสินเชื่อจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ไปใช้จ่ายก่อนโดยไม่ต้องเร่งขาย โดยข้าวเปลือกหอมมะลิอยู่ที่ 12,000 บาทต่อตัน ข้าวหอมนอกพื้นที่ 10,500 บาทต่อตัน ข้าวปทุมธานีและข้าวเหนียว 10,000 บาทต่อตัน ข้าวเจ้า 9,000 บาทต่อตัน แต่ถ้านำไปฝากเก็บที่สหกรณ์ เกษตรกรจะได้รับเงินช่วยเหลือค่าฝากเก็บละ 500 บาทต่อตัน ส่วนสหกรณ์ได้ 1,000 บาทต่อตัน
นอกจากนี้ หากไปขายข้าวเปลือกที่สหกรณ์จะได้รับราคาข้าวเปลือกเกี่ยวสดที่ความชื้นไม่เกิน 25% ในราคา 12,200 บาท ขณะเดียวกัน คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติวงเงินไปแล้ว 56,321 ล้านบาท ดำเนินเงินช่วยเหลือค่าบริหารจัดการไร่ละ 1,000 บาท รายละไม่เกิน 20 ไร่ สูงสุดครัวเรือนละ 20,000 บาท ซึ่ง ธ.ก.ส.จะดำเนินการโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยเร็ว หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ ธ.ก.ส.สาขาใกล้บ้าน และสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ