SPRC เผยผลประกอบการไตรมาส 3 ของปี 2566 มีกำไรสุทธิ 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พลิกฟื้นจากการขาดทุนเมื่อไตรมาสก่อน เป็นผลจากค่าการกลั่นที่ดีขึ้นและมีกำไรสต๊อกน้ำมัน
นายโรเบิร์ต โดบริค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ SPRC เปิดเผยผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาสที่ 3/2566 ว่าบริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิอยู่ที่ 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พลิกฟื้นจากผลขาดทุนสุทธิจำนวน 61 ล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสก่อนหน้า เป็นผลมาจากค่าการกลั่นตลาดที่สูงขึ้น และกำไรจากสต๊อกน้ำมันในไตรมาสนี้ ในขณะที่ไตรมาสก่อนมีการรับรู้ผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน เนื่องจากราคาน้ำมันที่ลดลงท่ามกลางความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ในไตรมาส 3 นี้มีค่าการกลั่นตลาดอยู่ที่ 8.36 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับ 1.34 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในไตรมาสก่อน และ 6.00 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในไตรมาสเดียวกันของปี 2565 โดยเป็นผลมาจากส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูปชนิดกลางต่อน้ำมันดิบที่เพิ่มสูงขึ้นในไตรมาสนี้ บริษัทฯ มีปริมาณการนำน้ำมันดิบเข้ากลั่นอยู่ที่ 139,000 บาร์เรลต่อวัน หรือคิดเป็นร้อยละ 80 ของกำลังการกลั่นทั้งหมด ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้านี้ เนื่องจากการหยุดหน่วยกำจัดกำมะถันในน้ำมันดีเซล (Diesel Hydrotreater Unit : DHTU) ตามแผน เพื่อเปลี่ยนตัวเร่งปฏิกิริยาสำหรับการผลิตน้ำมันดีเซลเกรด Euro 5 และการหยุดซ่อมบำรุงหน่วยแตกโมเลกุลด้วยตัวเร่งปฏิกิริยา (Residual Fluidized Catalytic Cracking Unit : RFCCU)
ทั้งนี้ ปัจจัยทางการตลาดที่สำคัญ ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมน้ำมัน จากการลดกำลังการผลิตน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย และรัสเซีย ประกอบกับการซ่อมบำรุงโรงกลั่นและอุปสงค์ด้านการท่องเที่ยวที่สูงขึ้นในช่วงฤดูร้อน เป็นปัจจัยที่ช่วยผลักดันให้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นในไตรมาสนี้ อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลทางด้านเศรษฐกิจในประเทศจีน และทวีปยุโรป
SPRC ยังคงรักษาอัตราการผลิตลงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อตอบสนองความต้องการภายในประเทศและยังคงไว้ซึ่งการเพิ่มประสิทธิภาพค่าการกลั่นที่ดีจากโครงการปรับปรุงผลกำไร (Bottom - Line Improvement Program (BLIP) นอกจากนี้ ยังคงมุ่งมั่นแสวงหาโอกาสเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจสู่การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและความยั่งยืนอย่างแท้จริง
บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าภาคอุตสาหกรรมจะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นในอนาคต โดยเศรษฐกิจทั่วโลกและความต้องการของผลิตภัณฑ์น้ำมันจะพลิกกลับมาฟื้นตัวได้ สำหรับการซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ในปี 2568 ของบริษัทมุ่งเน้นไปที่การเปลี่ยนผ่านพลังงาน ซึ่งเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยนำธุรกิจไปสู่ความยั่งยืน