“เอสโซ่” พลิกมีกำไรในไตรมาส 3/2566 อยู่ที่ 4,600 ล้านบาท มาจากค่าการกลั่นฟื้นตัวดีขึ้น ขณะที่รายได้ลดลงมาจากราคาและปริมาณขายที่ลดลง ส่วนงวด 9 เดือนแรกปีนี้มีกำไร 4,130 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 11,072 ล้านบาท
นางราตรีมณี ภาษีผล กรรมการผู้จัดการ และผู้รับผิดชอบสูงสุดทางสายงานบัญชีและการเงิน บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3/2566 ว่า บริษัทมีรายได้รวม 58,680 ล้านบาท ลดลง 6,911 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยหลักมาจากราคาขายและปริมาณยอดขายของผลิตภัณฑ์ที่ลดลง แต่ค่าการกลั่นที่ฟื้นตัวขึ้น ทำให้มีกำไรสุทธิสำหรับงวด 4,600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 3,127 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทมีปริมาณน้ำมันดิบเข้ากลั่นในไตรมาส 3 นี้อยู่ที่ 1.07 แสนบาร์เรลต่อวัน หรือ 61% ของกำลังการกลั่นของโรงกลั่น ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จากการหยุดดำเนินการผลิตในเดือนกันยายนที่ผ่านมาเพื่อการซ่อมบำรุงตามแผน สำหรับค่าการกลั่นไตรมาส 3/2566 อยู่ที่ 19 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 26.4 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน
สำหรับงวด 9 เดือนของปีนี้ บริษัทมีรายได้รวม 170,080 ล้านบาท ลดลง 29,283 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาขายและปริมาณยอดขายของผลิตภัณฑ์ที่ลดลง และมีค่าการกลั่นเฉลี่ยอยู่ที่ 6.7 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง 6.6 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2565 ทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิสำหรับงวด 4,131 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 11,072 ล้านบาท
แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/2566 อยู่ในทิศทางฟื้นตัว สนับสนุนด้วยการบริโภคภาคเอกชนที่ยังแข็งแกร่งและการฟื้นตัวของภาคบริการจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในช่วงวันหยุดสิ้นปี อย่างไรก็ตาม การส่งออกและการบริโภคภาคเอกชนยังคงชะลอตัวและอาจส่งผลกระทบต่อการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของไทยในปีนี้
ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบมีแนวโน้มที่ยังคงผันผวนและมีโอกาสในการปรับตัวสูงขึ้นในไตรมาส 4/2566 มาจากอุปทานโลกที่ตึงตัวจากการขยายมาตรการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจจากซาอุดีอาระเบียไปจนถึงปลายปีนี้ และความกังวลที่เพิ่มขึ้นจากความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส
