“ผลิตไฟฟ้า” มั่นใจสิ้นปีนี้ปิดดีลโครงสร้างพื้นฐาน-โรงไฟฟ้าในภูมิภาคเอเชีย ส่วนดีลซื้อหุ้น 50% “พอร์ตโฟลิโอโรงไฟฟ้าคัมแพซ” จากสหรัฐฯ ก็ปิดดีลได้ภายในปี 66 หนุนบรรลุเป้าหมายปีนี้บริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่เพิ่มกว่า 1 พันเมกะวัตต์ ส่วนผลประกอบการไตรมาส 4 นี้พีีดสุดกว่าทุกไตรมาสของปี 66
นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) (EGCO) หรือ เอ็กโก กรุ๊ป เปิดเผยว่า ตามที่บริษัท เอ็กโก คัมแพซ ทู แอลแอลซี ซึ่งเป็นบริษัทย่อยได้ลงนามสัญญาซื้อขายหุ้นกับบริษัทในเครือโลตัส อินฟราสตรักเชอร์ พาร์ทเนอร์ เพื่อเข้าถือหุ้นสัดส่วน 50% ใน “พอร์ตโฟลิโอโรงไฟฟ้าคัมแพซ” (Compass Portfolio) ซึ่งเป็นกลุ่มโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง (CCGT) จำนวน 3 แห่งในสหรัฐอเมริกา รวมกำลังการผลิต 1,304 เมกะวัตต์นั้น เอ็กโก กรุ๊ปมั่นใจว่าจะสามารถปิดดีลได้ภายในสิ้นปี 2566
พอร์ตโฟลิโอโรงไฟฟ้าคัมแพซ ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมมาร์คัส ฮุก ขนาดกำลังผลิต 912 เมกะวัตต์ในรัฐเพนซิลเวเนีย โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมมิลฟอร์ดขนาดกำลังผลิต 205 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมไดตันขนาดกำลังผลิต 187 เมกะวัตต์ในรัฐแมสซาชูเซตส์ ซึ่งโรงไฟฟ้าเหล่านี้สัญญาขายไฟฟ้าระยะยาว และส่วนไฟฟ้าที่เหลือก็ขายในตลาดกลางซื้อขายไฟฟ้าพีเจเอ็ม (PJM) และนิวอิงแลนด์ (ISO-NE)
การลงทุนในโรงไฟฟ้าทั้ง 3 แห่งดังกล่าว คิดเป็นกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นเอ็กโก กรุ๊ปอยู่ที่ 652 เมกะวัตต์ คาดว่าจะช่วยเพิ่มกำไรให้กับเอ็กโก กรุ๊ปประมาณ 600-800 ล้านบาทต่อปี เนื่องจากโรงไฟฟ้าทั้งหมดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้ว โดยเบื้องต้นบริษัทคาดว่าจะบันทึกรายได้เข้ามาในงบทันทีหลังปิดดีลดังกล่าว จะผลักดันให้สัดส่วนกำไรจากพอร์ตการลงทุนในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นกว่า 1 เท่าตัว มาอยู่เป็นระดับ 6-7% ของกำไรรวม จากเดิมที่อยู่ระดับ 3% โดยบริษัทจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าในสหรัฐฯ รวมเป็น 1,926 เมกะวัตต์ หรือคิดเป็นสัดส่วน 27.4% ของกำลังการผลิตรวมทั้งหมดของบริษัท
ทั้งนี้ เอ็กโก กรุ๊ปมั่นใจว่าปีนี้จะใช้เงินลงทุนมากกว่า 3 หมื่นล้านบาทบรรลุเป้าหมายมีกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นกว่า 1,000 เมกะวัตต์ จากครึ่งแรกปีนี้บริษัทมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามาราว 100 เมกะวัตต์ และรับรู้พอร์ตโฟลิโอโรงไฟฟ้าคัมแพซ อีก 625 เมกะวัตต์ ซึ่งขณะนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างเจรจาเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าและโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคเอเชีย คาดว่าจะสามารถปิดดีลได้ภายในช่วงปลายปีนี้หรืออย่างช้าไม่เกินช่วงต้นปีหน้า
นายเทพรัตน์กล่าวต่อไปว่า บริษัทคาดว่าผลประกอบการในไตรมาส 4/2566 จะมีรายได้และกำไรสูงสุดของปี เนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของธุรกิจโรงไฟฟ้าเพราะเป็นช่วงฤดูหนาวทำให้ความต้องการใช้พลังงานสูงขึ้นทั่วโลก ขณะที่ต้นทุนค่าเชื้อเพลิงก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน รวมทั้งบริษัทรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าจากสหรัฐฯ ที่ปิดดีลเข้ามาเพิ่มเติมด้วย ทำให้รายได้รวมปีนี้คาดว่าจะเติบโตจากปีก่อนที่ทำได้ 61,725 ล้านบาท
ปัจจุบัน เอ็กโก กรุ๊ป มีกำลังผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 7,023 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นกำลังการผลิตในต่างประเทศสัดส่วน 57% และในประเทศ 43% โดยเอ็กโก กรุ๊ปมีฐานการลงทุนโรงไฟฟ้าอยู่ใน 8 ประเทศ ได้แก่ ไทย ลาว ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ออสเตรเลีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน และสหรัฐอเมริกา