กกร.แนะรัฐบาลจำกัดกลุ่มเป้าหมายการแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท หวังดึงเงินบางส่วนจาก 5.6 แสนล้านบาทผันมาบริหารจัดการน้ำ รับมือเศรษฐกิจปี 2567 จับตาบาทอ่อนค่าเร็วไปแนะควรอยู่ที่ 35 บาทบวกลบ พร้อมคงกรอบ ศก.ปี 2566 ยังโต 2.5-3% จากฟรีวีซ่าทำให้นักท่องเที่ยวโต
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะทำหน้าที่ประธานที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า กกร.ประจำเดือน ต.ค. 66 ได้หารือประเด็นการบริหารจัดการน้ำเป็นสิ่งสำคัญเร่งด่วนจึงควรจัดสรรงบประมาณในการบริหารจัดการน้ำทั้งระยะสั้นและเร่งด่วนโดยเห็นว่าสามารถบริหารจัดการงบประมาณบางส่วนจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทที่มีวงเงิน 5.6 แสนล้านบาทเพื่อให้การเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2567 ไม่หยุดชะงักและเป็นไปตามเป้าหมาย
“กกร.เห็นว่ากลุ่มเป้าหมายที่แจกเงินดิจิทัลที่รัฐบาลมองไว้ 56 ล้านคนนั้นควรจะจำกัดการสนับสนุน เพราะอย่างผม 3 คนที่แถลงข่าวอยู่นี้ก็ไม่จำเป็นต้องรับ ควรมองกลุ่มเป้าหมายที่ตอบโจท ย์เช่น คนที่เคยได้รับสวัสดิการของรัฐในแอปพลิเคชันเป๋าตังราว 40 ล้านราย รัฐควรมองข้อมูลเชิงลึกจากจุดนี้ เมื่อเราจำกัดการช่วยเหลือก็จะทำให้เหลือวงเงินในการที่จะนำไปใช้พัฒนาบริหารจัดการน้ำเพิ่มขึ้นเพราะปีนี้น้ำใช้ได้จริง ณ ต.ค. 66 อยู่ที่ 54% ซึ่งต่ำกว่าในช่วงเดียวกันของปี 65 ที่อยู่ 66% หากเกิดแล้งต่อเนื่องน้ำต้นทุนจะเหลือน้อยโดยเฉพาะในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่ต้องเร่งบริหารจัดการ” นายสนั่นกล่าว
นอกจากนี้ กกร.ยังหารือถึงประเด็นค่าเงินบาทที่อ่อนค่าขณะนี้ที่แม้ว่าจะส่งผลดีต่อการส่งออก และการท่องเที่ยวแต่ก็จะกระทบต่อการนำเข้าโดยเฉพาะน้ำมัน และวัตถุดิบ ดังนั้นจึงมองว่ารัฐควรจะบริหารจัดการให้ค่าเงินไม่ผันผวนจนเกินไป ค่าเงินบาทที่เหมาะสมจึงควรอยู่ 35 บาท/เหรียญบวกลบ
สำหรับกรอบประมาณการเศรษฐกิจปี 2566 ในเดือน ก.ย. กกร.ยังคงกรอบเดิมโดยผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) จะโต 2.5-3% ส่งออก -2 ถึง -0.5% เงินเฟ้อ 1.7-2.2% เพราะคาดว่ามาตรการวีซ่าฟรีจีนและคาซัคสถานของรัฐจะช่วยสนับสนุนการท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซันทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มแตะ 29-30 ล้านคนในปีนี้ อย่างไรก็ตาม กรณีเยาวชนอายุ 14 ปียิงนักท่องเที่ยวจีนนั้นเชื่อมั่นว่าจะกระทบไม่มาก และในช่วง 18-19 ต.ค.นี้นายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปจีนก็จะสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องนี้
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทยในฐานะประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า กกร.เห็นว่ารัฐบาลเคยทำนโยบายสวัสดิการแห่งรัฐก็จะมีรายชื่ออยู่ในระบบอยู่แล้วราว 40 ล้านคน กกร.ก็เห็นว่าเงินดิจิทัลหมื่นบาทควรประหยัดงบส่วนนี้ได้แทนที่จะแจกทั้งหมดแล้วนำไปจัดการน้ำ และมองว่าประโยชน์สูงสุดก็คือต้องเน้นการซื้อที่ดูเรื่องการใช้ชิ้นส่วนหรือวัตถุดิบในประเทศ (Local Content) เป็นสำคัญ
นายทวี ปิยะพัฒนา รองประธานอาวุโส สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า กกร.มีความกังวลถึงการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 400 บาท/วัน ที่เห็นว่าไม่ได้มองพื้นฐานด้านเศรษฐกิจ โดยควรให้ทางคณะกรรมการค่าจ้างกลางหรือไตรภาคีเป็นฝ่ายพิจารณาตามกฎหมายที่กำหนด เพราะแม้แต่จังหวัดก็มีบางอำเภอที่มีความสามารถในการจ่ายเท่านั้น และการขึ้นในอัตราดังกล่าวถือว่าสูงมากเอสเอ็มอีมีกำไรไม่มากหากต้นทุนเพิ่มก็จะยิ่งเดือดร้อน