ผู้จัดการรายวัน 360 - ป็อปมาร์ท ผู้นำตลาดธุรกิจอาร์ตทอยส์จากคาแรกเตอร์ตัวการ์ตูนที่มาในรูปแบบของกล่องสุ่ม (Blind Boxes) ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักสะสมของเล่นและของสะสม เดินหน้าแผนขยายการลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อเสริมความแข็งแกร่ง เปิดตัวแฟลกชิปสโตร์แห่งแรกในประเทศไทย ตอกย้ำความเป็นเจ้าตลาดอาร์ตทอยส์ (Art Toys) เบอร์หนึ่งของโลกด้วยการสร้างเทรนด์นิยมในสไตล์ป็อปคัลเจอร์ (POP Culture) ที่มีอัตลักษณ์เฉพาะด้วยการผนึกพลังไอเดียการออกแบบฟิกเกอร์ตัวการ์ตูนที่เป็นของเล่นและของสะสมร่วมกับศิลปินและนักออกแบบจากทั่วโลกกว่า 350 คน
“ป็อปมาร์ท ได้ร่วมทุนกับ ไมเนอร์ ไลฟ์สไตล์ (Minor Lifestyle) เพื่อขยายธุรกิจให้เติบโตยิ่งขึ้นและมีเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนการขยายตลาดในประเทศไทย โดยความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งในแต่ละภาคส่วน ซึ่งจะก่อให้เกิดการเติบโตของศิลปะและตลาดอาร์ตทอยส์ในประเทศไทยอันเป็นหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพสูงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ปัจจุบันเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นภูมิภาคที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่รวดเร็ว ผู้บริโภคมีอำนาจซื้อสูงและมีตลาดขนาดใหญ่ ขณะเดียวกันก็มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและเปิดกว้างในการรับวัฒนธรรมและสินค้าจากต่างประเทศ การลงทุนและการสนับสนุนการลงทุนในระดับสูงในธุรกิจต่างชาติได้ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่ดี
“นอกจากนี้ ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคุ้มค่าต่อการสำรวจ ไม่ว่าจะเป็นศักยภาพทั้งตลาดออฟไลน์หรือออนไลน์ เราเริ่มต้นในสิงคโปร์ มาเลเซีย และปัจจุบันได้ขยายมายังประเทศไทย ซึ่งเราหวังว่าจะมีการขยายตลาดต่อไปในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งสร้างเครือข่ายการขายแบบออฟไลน์และออนไลน์ที่ครบวงจร โดยคำนึงถึงวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างเต็มรูปแบบ" มร.จัสติน มูน ประธาน ป็อปมาร์ท อินเตอร์เนชันแนล กล่าวถึงแผนการขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทั้งนี้ ป็อปมาร์ทได้เปิดเผยความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจทั่วโลกในช่วงครึ่งปีแรกของปี พ.ศ. 2566 ว่าจากกระแสนิยมอาร์ตทอยส์ที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดทำให้บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,814 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึง 19.3% นอกจากนี้ กำไรสุทธิที่ปรับปรุงแล้วยังเพิ่มขึ้นเป็น 535 ล้านหยวน หรือคิดเป็น 42.3%
ด้วยความพยายามของเรา ส่งผลให้รายได้ในต่างประเทศของป็อปมาร์ทเพิ่มขึ้นถึง 139.8% เป็นการตอกย้ำความสำเร็จทางธุรกิจในตลาดต่างประเทศได้เป็นอย่างดี โดยป็อปมาร์ทมีรายได้จากตลาดต่างประเทศต่างๆ สูงถึง 376 ล้านหยวน นอกจากนี้ กำไรจากการดำเนินงานยังมีการเติบโตสูงกว่าเป้าหมาย โดยสามารถทำกำไรได้สูงถึง 78.89 ล้านหยวน (CNY) มีอัตราเติบโตอยู่ที่ 183% เมื่อเทียบเป็นรายปี
“ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 เราสามารถขยายร้านค้าได้รวมทั้งสิ้น 432 ร้านทั่วโลก อีกทั้งมีการขยายตู้ขายอัตโนมัติเพิ่มสูงถึง 2,328 ตู้ เมื่อช่องทางการจำหน่ายของเรายังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ฐานลูกค้าของเราขยายตัวอย่างรวดเร็วไปพร้อมๆ กัน” มร.จัสตินกล่าวถึงภาพรวมการดำเนินธุรกิจต่างประเทศของป็อปมาร์ท
มร.จัสตินยังเปิดเผยว่า ปัจจุบันคนไทยให้ความสนใจกระแสป็อปคัลเจอร์เพิ่มขึ้นมาก และหนึ่งในกระแสยอดนิยมก็คือ อาร์ตทอยส์ในรูปแบบกล่องสุ่มที่สร้างความตื่นเต้นและลุ้นทุกครั้งว่าเมื่อเปิดกล่องออกมาจะได้อาร์ตทอยส์รูปแบบใด ถือเป็นเสน่ห์ของอาร์ตทอยส์ในรูปแบบกล่องสุ่มในฐานะสินค้าป็อปคัลเจอร์ที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ ในปัจจุบัน โดยเรากำหนดเป้าหมายที่จะสร้างให้ป็อปมาร์ทเป็นเสมือนห้องจัดแสดงผลงานศิลปะ ที่รวมผลงานด้านการออกแบบอันเกิดจากแรงบันดาลใจที่สะท้อนแนวคิดอันพิถีพิถัน กลั่นกรองอย่างลึกซึ้ง เพื่อสะท้อนบริบททางสังคมในแง่มุมต่างๆ ผ่านผลงานทรงคุณค่าของเหล่าศิลปินและนักออกแบบจากทั่วทุกมุมโลก ด้วยกระแสนิยมที่เพิ่มสูงขึ้นนี้เอง ทำให้เกิดความร่วมมือในการสร้างสรรค์ผลงานคอลเลกชันพิเศษร่วมกับแบรนด์ระดับโลกอย่างดีซี ดิสนีย์ วอร์เนอร์ แฮร์รี พอตเตอร์ และอื่นๆ อีกมากมาย
ในแต่ละปี ป็อปมาร์ทไม่เคยหยุดนิ่งในการสร้างสรรค์ตัวการ์ตูนของสะสมเพื่อสร้างอรรถรสและความสุขให้เกิดขึ้นอยู่เสมอ ด้วยการเฟ้นหาศิลปินและนักออกแบบรุ่นใหม่ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น เพื่อนำเสนอผลงานใหม่ๆ และสร้างสีสันให้แก่โลกของอาร์ตทอยส์
“ป็อปมาร์ท (POP MART) ให้ความสำคัญในการเฟ้นหาศิลปินและนักออกแบบผ่านเวที Largest Art Toys Show in ASIA ซึ่งจัดขึ้น ณ เมืองเซี่ยงไฮ้ กรุงปักกิ่ง และล่าสุดประเทศสิงคโปร์ นอกจากนี้ ป็อปมาร์ทยังมีส่วนร่วมในโครงการต่างๆ ด้านการศึกษาศิลปะ โดยร่วมกับวิทยากรรับเชิญจากมหาวิทยาลัยในการสร้างแพลตฟอร์มเพื่อการแสดงวิสัยทัศน์และแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับกระแสป็อปคัลเจอร์และการสร้างสรรค์อาร์ตทอยส์ในมหาวิทยาลัยชั้นนำ เพื่อเปิดโลกทัศน์และมอบโอกาสให้แก่กลุ่มคนรุ่นใหม่ได้มีเวทีในการแสดงออกทางความคิดสร้างสรรค์ รวมทั้งการร่วมในงานแข่งขันการออกแบบกับแบรนด์ชั้นนำระดับโลก ซึ่งการมีส่วนร่วมดังกล่าวล้วนแล้วแต่เป็นกลยุทธ์เชิงรุกในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับชุมชนศิลปินของป็อปมาร์ท ไม่ว่าจะเป็น เคนนี หว่อง ผู้สร้างสรรค์ Molly, มอลลี นิสา ศรีคำดี ผู้สร้างสรรค์ CryBaby และ SKULLPANDA ผู้สร้างสรรค์ SKULLPANDA” มร.จัสตินกล่าว
การสร้าง Iconic Crossovers คือกลยุทธ์ที่ใช้เพิ่มเสน่ห์ให้แก่ผลงานอาร์ตทอยส์ของป็อปมาร์ทซึ่งมีจำนวนจำกัด ดังเช่นผลงานที่ผ่านมา เช่น Molly x Snoopy, Labubu x Spongebob ฯลฯ นอกจากนี้ การร่วมมือกับสตูดิโอและแบรนด์ระดับโลกอย่าง Inner Flow, Silent Trick, Gone ฯลฯ ยังช่วยสร้างความตื่นเต้นและมอบประสบการณ์ใหม่ให้แก่ผู้บริโภคอยู่เสมอ ถือเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งในฐานะผู้นำตลาดให้ป็อปมาร์ท อีกทั้งยังเป็นการเสนอทางเลือกเพิ่มเติมให้แก่ลูกค้าด้วยการนำเสนออาร์ตทอยส์ 3 ขนาดต่างกัน ได้แก่ ขนาดปกติ (Regular), ขนาดใหญ่ (Big) และขนาดใหญ่พิเศษ (MEGA) นับเป็นเสน่ห์เฉพาะตัวอีกประการที่ช่วยเพิ่มความสุขและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า
ทั้งนี้ สำหรับผู้บริโภคชาวไทย ขนาดใหญ่พิเศษ (MEGA) ได้รับความนิยมสูงสุดแม้จะมีราคาสูงที่สุดก็ตาม เนื่องจากมีกลุ่มลูกค้าแฟนพันธุ์แท้ที่ชอบสะสม โดยเฉพาะรุ่น MEGA SPACE MOLLY ที่สร้างปรากฏการณ์ใหม่และมีส่วนช่วยขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มผู้มีความมั่งคั่งได้มากขึ้น
“ในอนาคต ป็อปมาร์ทอาจเป็นมากกว่าอาร์ตทอยส์ โดยเราจะนำพื้นฐานความสำเร็จที่เริ่มต้นจากความสนุก ตื่นเต้น และความประหลาดใจมาเป็นตัวเชื่อมสู่ธุรกิจใหม่ๆ ที่เน้นสร้างความบันเทิงให้แก่ผู้บริโภค เช่น สวนสนุก เกม หรือแม้แต่แอนิเมชัน” มร.จัสตินกล่าวถึงแผนในอนาคต
เพื่อเป็นการสร้างกระแสนิยมอาร์ตทอยส์ในประเทศไทย ป็อปมาร์ทได้เผยโฉมแฟลกชิปสโตร์แห่งแรกในประเทศไทยในวันที่ 20 กันยายนนี้ที่เซ็นทรัลเวิลด์ และคาดว่าจะเปิดสาขาที่ 2 ภายในช่วงปลายปีนี้ อีกทั้งยังวางแผนเปิดร้านค้าปลีกและร้านป็อปอัพมากถึง 20 แห่ง พร้อมด้วยตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ (POP MART ROBOSHOP) ประมาณ 50 ตู้ทั่วประเทศไทย โดยป็อปมาร์ท แฟลกชิปสโตร์ แห่งแรกในประเทศไทยนี้ตั้งอยู่ที่ชั้น 1 เซ็นทรัลเวิลด์ มีพื้นที่รวมกว่า 169 ตารางเมตร ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบความตื่นเต้นเต็มรูปแบบผ่านโซนต่างๆ ที่จัดแบ่งไว้หลากหลาย เช่น
• คอลเลกชันกล่องสุ่ม (Blind Box Collections) คอลเลกชันที่หายากที่สุด ซึ่งเป็นที่ต้องการของทุกคน
• คอลเลกชันสุดพิเศษ SKULLPANDA Hoar Frost Thailand Limited Edition มีเพียง 140 ชิ้นเท่านั้น เฉพาะที่แฟลกชิปสโตร์ เซ็นทรัลเวิลด์ ประเทศไทย
• คอลเลกชันเฉพาะช่วงเปิดร้าน ได้แก่ SKULLPANDA Dark Maid Figurine, Labubu Diver’s Manual, Labubu Shepherd Figurine, Hirono Unknown journey และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งวางจำหน่ายเฉพาะช่วงเปิดร้านเท่านั้น
• คอลเลกชัน MEGA ได้แก่ MEGA SPACE MOLLY 400% & 1000%
• คอลเลกชันอื่นๆ เช่น POP BEAN, Big Figure และ Inner Flow Collection
ป็อปมาร์ท (POP MART) เป็นหนึ่งในแบรนด์อาร์ตทอยส์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในกลุ่มคนรุ่นใหม่ในปัจจุบัน มีชื่อเสียงด้านกล่องสุ่ม (Blind Boxes) หลากหลายคอลเลกชัน ป็อปมาร์ทเปลี่ยนภาพในใจของผู้คนที่ว่าของเล่นเหมาะกับเด็กเท่านั้น นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2021 เป็นต้นมา ป็อปมาร์ทยังขยายตัวไปสู่ตลาดอาร์ตทอยส์ระดับไฮเอนด์และเปิดตัว MEGA Collections เพื่อตอบสนองความสนใจของนักสะสมอาร์ตทอยที่มีความหลากหลายมากขึ้นอีกด้วย
ป็อปมาร์ทได้ร่วมกับแบรนด์ระดับโลก เช่น ดิสนีย์, ซานริโอ, วอร์เนอร์ และอื่นๆ รวมถึงนักออกแบบที่มีชื่อเสียงอย่าง Kenny, Pucky และ Kasing Lung ในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ป็อปคัลเจอร์หลากหลายจากตัวละครคลาสสิก ซึ่งนำเสนอให้ลูกค้าที่เป็นแฟนตัวยงของ ป็อปมาร์ท ในฐานะที่เป็นผู้สนับสนุนตลาดอาร์ตทอยส์ ป็อปมาร์ทยังสร้างสรรค์ประสบการณ์พิเศษผ่านเกมมินิและแอปเล็ตเพื่อสร้างความดึงดูดใจยิ่งขึ้น
PDC (POP Design Center) ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 2017 มุ่งเน้นการสร้างทรัพย์สินทางปัญญา (IP) ต้นฉบับ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการพัฒนาศิลปินระดับโลกและการดำเนินการด้านทรัพย์สินทางปัญญาของป๊อปมาร์ท PDC ดึงดูดศิลปินที่มีความสามารถมากมาย จากแวดวงสื่อและอุตสาหกรรมบันเทิงที่มีความแข็งแกร่ง ด้วยทรัพยากรที่มากมายและทีมผลิตสินค้ามืออาชีพ PDC ช่วยให้ศิลปินหน้าใหม่ให้สร้างทรัพย์สินทางปัญญาของตนเอง ซึ่งมีลักษณะเฉพาะตัวและเป็นที่โปรดปรานของบรรดาแฟนๆ ทั่วโลกอย่างมากผ่านคาแรกเตอร์ที่มีลักษณะเฉพาะตัวของพวกเขา