xs
xsm
sm
md
lg

“สยามพิวรรธน์” ประกาศ4กลยุทธ์ ทุ่มงบพันล.ลุยQ4ดึงนักท่องเที่ยว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน360 - บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด ย้ำจุดแข็งในการเป็นผู้สร้าง Global Destinations อันดับหนึ่งของประเทศไทย ทุ่มงบ 1,000 ล้านบาท จัดหนักไตรมาสสุดท้ายนี้ เดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจขานรับนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล ประกาศยุทธศาสตร์หลักผ่าน 4 Strategic Pillars 1) ผู้นำการสร้างประสบการณ์ shopping ยิ่งใหญ่ 2) ผู้นำ การจัด World Class Event และการประชุมนานาชาติ เตรียมผุดอีเวนท์ฮอลล์ 3) ผู้นำในการยกระดับผลงานศิลปะไทย สนับสนุนกรุงเทพฯ ให้เป็นศูนย์กลางศิลปะระดับโลก และ 4) ผู้นำในการปั้น Soft power ของไทย ช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าไทยสู่ 30 ล้านคน ปีนี้


นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท สยามพิวรรธน์ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจค้าปลีกชั้นนำ เจ้าของและผู้บริหารโครงการที่มีชื่อเสียงระดับโลก อาทิ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ หนึ่งในพันธมิตรเจ้าของไอคอนสยาม และสยาม พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต กรุงเทพ กล่าวว่า สยามพิวรรธน์ถือเป็นผู้นำในการพัฒนาจุดหมายปลายทางระดับโลก (Global Destinations) ที่เป็นแม่เหล็กดึงดูดให้ประเทศไทยเป็นหมุดหมายที่ครองความเป็นที่หนึ่งในใจผู้คนทั่วโลกมาอย่างยาวนาน ประสบความสำเร็จและได้รับการยอมรับในวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับโลกด้วยรางวัลชนะเลิศหลากหลายเวที และสยามพิวรรธน์ยังคงมีแผนการลงทุนใหม่ๆต่อเนื่องเพื่อสร้างประสบการณ์ค้าปลีกใหม่ๆและปักหมุดให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางแรกที่ต้องมาเยือนสำหรับนักท่องเที่ยวและนักเดินทางจากทั่วโลกต่อไป

“ในเรื่องค้าปลีกเรื่องการช้อปปิ้งของไทย ตอนนี้ถือว่าเราแซงหน้า ฮ่องกง แซงหน้า สิงคโปร์ ไปแล้ว ตอนนี้ประเทศไทยเราถือว่าอยู่ในสถานะที่ดีมาก หลังจากโควิดซาลง ไทยเราก็กลับมาดีได้เร็วขึ้นมาก เราต้องมีเรื่องใหม่ๆ มีสตอรี่ มีกิจกรรม มีสิ่งใหม่ๆเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มใหม่ๆเข้ามาเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น ยิ่งตอนนี้มีรัฐบาลใหม่ชัดเจนแล้ว ประเทศไทยเราสมบูรณ์ ต้องเดินหน้าต่อไป เพราะประเทศไทยได้รับความสนใจจากคนทั่วโลกอยู่แล้ว อีกทั้งกรุงเทพเองก็ได้รับการคัดเลือกให้เป็นเมืองที่คนต่างชาตินิยมท่องเที่ยวอันดับต้นๆหลายครั้ง”

โดยในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2566 นี้ จำนวนนักท่องเที่ยวคุณภาพที่เข้ามาศูนย์การค้าของสยามพิวรรธน์มีถึง 14 ล้านคน เพิ่มขึ้น 46% จากปี 2565 โดยมียอดการใช้จ่ายโดยเฉลี่ยที่ 8,500 บาท/คน/วัน อาศัยเฉลี่ย 3-7 วัน มากกว่าปีที่แล้วที่มีอัตราการใช้จ่ายเฉลี่ย 5,500บาทต่อคนต่อวัน และเมื่อรัฐบาลมีนโยบายที่จะอำนวยความสะดวกและดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาสู่ประเทศไทยอย่างเต็มที่แล้ว เชื่อมั่นว่าภายในสิ้นปีนี้ประเทศไทยจะมียอดนักท่องเที่ยวถึง 30 ล้านคน

“สยามพิวรรธน์ เตรียมอัดงบประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท จัดกิจกรรมต่างๆเพื่อเป็นแม่เหล็กดึงดูดให้ผู้คนทั่วโลกอยากมาเยี่ยมชมดึงดูดนักท่องเที่ยวในไตรมาส 4 นี้ และคาดหวังว่าจะช่วยผลักดันให้ยอดขายเพิ่มขึ้น 20% และเตรียมจัดงบประมาณเพิ่มอีกเท่าตัวในปีหน้า เพื่อเดินเครื่องหนุนการท่องเที่ยวของไทยตามนโยบายของรัฐบาล โดยมั่นใจว่ารัฐบาลชุดนี้จะทำให้การท่องเที่ยวของประเทศไทยเป็นจุดแข็งที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม” นางชฎาทิพ กล่าว

สำหรับการขับเคลื่อนธุรกิจของกลุ่มสยามพิวรรธน์เพื่อขานรับนโยบายรัฐบาล ได้กำหนดยุทธศาสตร์ ผ่าน 4 Strategic Pillars ดังนี้

1. ผู้นำการสร้างประสบการณ์ Shopping ยิ่งใหญ่เหนือความคาดหมาย เสริมแกร่งผู้นำในตลาด Luxury retail ด้วยการผนึกกำลังกับ Luxury brand ร้านค้าผู้เช่า และพันธมิตรธุรกิจ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดยเตรียมเปิดร้าน Luxury brands ใหม่เพิ่มเติมถึง 20 ร้านค้าในไตรมาส 4 ซึ่งหลายแบรนด์เป็นสาขาแรกในประเทศไทย อีกทั้ง มีคิวจัด Pop-up store และงานอีเวนต์ระดับโลก ร่วมกับแบรนด์ต่างๆ มากกว่า 40 แบรนด์ไปจนถึงสิ้นปี 2567 รวมทั้งบรรดาลักซ์ซูรี่แบรนด์ทุกค่าย เตรียมขยายพื้นที่กว่าเท่าตัวให้เป็น Iconic store ที่ใหญ่ที่สุดในสยามพารากอนและไอคอนสยามใน ปีหน้าอีกด้วย

2. ผู้นำการจัด World Class Event และการประชุมนานาชาติ โดยทำงานร่วมกับองค์กรภาครัฐ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) และภาคเอกชนต่างๆ เพื่อดึงดูดนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ๆ ที่มีกำลังซื้อสูงจากทั่วโลก โดยใช้พื้นที่รอยัลพารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 ศูนย์การค้าสยามพารากอน และทรู ไอคอนฮอลล์ ชั้น 7 ไอคอนสยาม เป็นสถานที่จัดงานอีเวนต์มาตรฐานระดับโลกหรือการประชุมนานาชาติ ซึ่งในปีนี้ได้รองรับงานสำคัญรวมกันกว่า 40 งาน และมีการจองใช้ใน ปี 2567 แล้วมากถึง 70%

โดยสยามพิวรรธน์จะร่วมมือกับพันธมิตรใน Global Ecosystem ซึ่งประกอบด้วยพันธมิตรจากหลากหลายธุรกิจทั้งสายการบิน ธุรกิจโรงแรม ท่องเที่ยว ภัตตาคาร เพื่อรองรับการจัดงานหลากหลายรูปแบบ ส่งเสริมธุรกิจ MICE และสนับสนุนประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางการจัดประชุมนานาชาติของ S/E Asia นอกจากนี้ สยามพิวรรธน์ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้จัดงานอีเวนต์รายใหญ่ของโลกรายหนึ่งที่จะมาร่วมลงทุนสร้างศูนย์ประชุมและการแสดงเพิ่มเติมอีกด้วย การเจรจาคืบหน้าไปแล้ว 80%
สำหรับในไตรมาส 4 ของปีนี้จะลงทุนจัดกิจกรรมระดับชาติครั้งยิ่งใหญ่ในทุกศูนย์การค้ารวมกันถึง 40 กิจกรรมรวมถึงการจัดงานเคานต์ดาวน์สิ้นปีนี้ด้วย ด้วยงบประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยจะสื่อสารประชาสัมพันธ์ออกสื่อทั่วโลก

งานไฮไลท์เช่น เดือนตุลาคมนี้จะแถลงกิจกรรมใหญ่ครบรอบ5ปีไอคอนสยาม จะร่วมมือกับภาครัฐในการจัดแสดงไฟอย่างยิ่งใหญ่

3. ผู้นำในการส่งเสริมศิลปะไทย ยกระดับกรุงเทพฯ ให้เป็นศูนย์กลางศิลปะระดับโลก โดยสยามพิวรรธน์ได้บุกเบิกและเป็นผู้ประกอบการที่สนับสนุนศิลปินไทยมาตลอดเวลากว่า 15 ปี เป็นรายแรกที่นำผลงานของศิลปินไทยมาจัดแสดงเป็น public arts ประจำในศูนย์การค้า และจัดกิจกรรมต่างๆ ส่งเสริมความสามารถของศิลปินไทยตลอดมา เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ สยามพิวรรธน์

โดยเตรียมแผนเสนอรัฐบาลที่จะปั้นให้กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางของ S/E Asia ที่จะจัดงานศิลปะระดับโลกให้เกิดขึ้นเพื่อดึงดูดบุคคลในวงการศิลปะเข้ามาในประเทศไทย อาทิ งาน Art Basel และ Frieze เป็นต้น ซึ่งจะทำให้บรรดาศิลปินไทยได้มีโอกาสแสดงผลงานร่วมกับศิลปินระดับโลกด้วย โดยจะร่วมทำงานกับภาครัฐในเรื่องนี้อย่างเต็มที่

“เราต้องทำเรื่องนี้จริงจัง เพราะสิงคโปร เขาบุกเรื่องนี้อย่างมาก ทั้งๆที่เขาไม่ได้มีศิลปินมากมายเหมือนบ้านเรา หรือแม้แต่เกาหลี ล่าสุดเขาก็จัด FRIEZE มา 2 ปีีซ้อนแล้วเขาจัดของเขาขึ้นมาปะกบกับด้วย ทำเงินสะพัดมากกว่า แต่ไทยเรามีศิลปินมากมาย มีชื่อเสียง ตรงนี้น่ราจะสนับสนุนให้เกิดเป็นซอฟท์เพาเวอร์อีกเรื่องหนึ่งได้ และจะทำให้เราได้นักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ๆที่มีคุณภาพเข้ามาด้วย”

ยิ่งไปกว่านั้น สยามพิวรรธน์มีนโยบายที่จะเปิดศูนย์ศิลปะริเวอร์มิวเซียม ชั้น 8 ไอคอนสยาม ในปี 2026 ด้วยพื้นที่ 8,000 ตารางเมตร ลงทุนกว่า 400 ล้านบาท เปิดปี 2569 ซึ่งเราเตรียมการเรื่องนี้มาตั้งแต่ช่วงเริ่มโครงการไอคอนสยามแล้ว ซึ่งจะเป็นมิวเซียมมาตรฐานโลกแห่งแรกของประเทศไทยที่สามารถรองรับงานศิลปะ master piece ระดับโลกได้ทัดเทียมกับมิวเซียมชั้นนำในประเทศต่างๆ ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่จะดึงดูดบุคคลสำคัญในวงการศิลปะและบรรดา นักสะสมงานศิลปะจากทั่วโลกเข้ามาในประเทศไทย นับว่าเป็นกลุ่มท่องเที่ยวคุณภาพสูงกลุ่มใหม่ที่จะต่อยอดอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดีในระยะยาว

4. ผู้นำในการปั้น Soft power ของไทยด้วยความคิดสร้างสรรค์และต่อยอดสู่เวทีโลก ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี ที่สยามพิวรรธน์ได้พัฒนาแพลตฟอร์มแห่งโอกาสที่นำสุดยอดฝีมือในด้านต่างๆ ของไทย เพื่อนำเสนอ Soft power ของคนไทย ไม่ว่าจะเป็นด้านอาหาร ภาพยนตร์ แฟชั่น ดีไซเนอร์ และอื่นๆ รวมทั้งการพัฒนาแพลตฟอร์มที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ SMEs และพ่อค้าแม่ค้าจาก 77 จังหวัด จำนวนกว่า 6,000 ราย มารวมตัวกันนำเสนออัตลักษณ์ไทยรูปแบบต่างๆ ผ่านเมืองสุขสยาม ซึ่งมีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมไม่ต่ำกว่าวันละ 70,000 คนและเป็นที่กล่าวขวัญถึงอย่างมากใน social media ทั่วโลก นอกจากนี้ การสร้างแบรนด์สินค้าของคนไทยผ่านธุรกิจรีเทลของสยามพิวรรธน์ อันได้แก่ ICONCRAFT, ODS และ ECOTOPIA ก็สามารถขายแฟรนไชส์ไปต่างประเทศ ทั้งนี้ สยามพิวรรธน์​พร้อมที่จะร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงมหาดไทย รวมทั้งพันธมิตร ระดับโลก ยกระดับ Soft power ของคนไทยให้เป็นที่ชื่นชมบนเวทีโลกด้วยเช่นกัน

สยามพิวรรธน์พร้อมที่จะผสานพลังทุกภาคส่วน สนับสนุนนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐบาล ร่วมผลักดันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการ ทำให้ประเทศไทยครองแชมป์จุดหมายปลายทางของโลก ซึ่งถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ที่จะช่วยกระตุ้นกิจกรรมเศรษฐกิจ สร้างรายได้ และก่อให้เกิดการจ้างงานกับประชาชนจำนวนมาก ส่งผลกระทบครอบคลุมกว้างขวาง ไม่ใช่เฉพาะผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวโดยตรงเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงธุรกิจค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจ MICE และบริการที่จะได้ประโยชน์จากการมาเยือนของชาวต่างชาติ
นางชฏาทิพ กล่าวต่อว่า สยามพิวรรธน์ ได้บรรลุเป้าหมายในการก้าวขึ้นเป็นที่1ใน4ด้านแล้วคือ 1.เป็นที่1ในใจของลูกค้า, 2.เป็นที่1ในใจของคู่ค้า, 3.เป็นที่1ในใจของพันธมิตร และ 4.เป็นที่1 ในโลก


กำลังโหลดความคิดเห็น