ผู้จัดการรายวัน 360 - “สลัด แฟคทอรี่” เดินเกมรุก วางแผน 5 ปี ชู 3 กลยุทธ์หลักสร้างการเติบโต รับศึกอาหารสุขภาพกลุ่มสลัดแข่งขันรุนแรงมากขึ้น จากฟูดเชนใหญ่ที่กระโดดเข้ามามากขึ้น เร่งเครื่องเปิดปีละ 9 สาขา เน้นไซส์ใหญ่ โหมตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น
นายปิยะ ดั่นคุ้ม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กรีนฟู้ด แฟคทอรี่ จำกัด ผู้บริหารร้านสลัดแฟคทอรี่ ในเครือซีอาร์จี เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางแผนธุรกิจระยะ 5 ปี (ปี พ.ศ. 2565-2569) ในการขยายธุรกิจด้วยการสร้างนิวเอสเคิร์ฟใหม่ๆ เพื่อสร้างการเติบโตให้แก่องค์กร ไม่ว่าจะเป็นโมเดลใหม่ๆ ช่องทางใหม่ๆ หรือการร่วมกับพันธมิตรธุรกิจในการขยายตลาดต่างๆ
ทั้งนี้ เพื่อรองรับกับตลาดรวมอาหารเพื่อสุขภาพ (Healthy Food) ที่มีมูลค่ามากกว่า 4,000 ล้านบาท เติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงโควิด-19 ระบาดส่งผลให้ผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญต่อสุขภาพและสนใจในเรื่องอาหารการกินมากขึ้น ทำให้ปีที่แล้วภาพรวมตลาดมีการเติบโตมากถึง 50% อีกทั้งยังมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น จากการมีผู้ประกอบการเข้าสู่ตลาดในเซกเมนต์นี้มากขึ้นรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 20 รายที่เป็นฟูดเชน รวมมากกว่า 100 สาขา เพิ่มขึ้นมากจากช่วง 10 ปีที่แล้วที่มีเพียง 5 รายใหญ่เท่านั้นเอง
ทั้งนี้ กลยุทธ์หลักคือ 1. การขยายสาขาใหม่ๆ เฉลี่ยปีละประมาณ 8-9 สาขา ในหลายรูปแบบ ปีนี้กับปีหน้าจะเน้นขยายตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีเพียงสาขาเดียวในต่างจังหวัดคือที่พัทยา โดยมองไปที่จังหวัดใกล้เคียงกรุงเทพฯ ก่อน เช่น นครปฐม นครสวรรค์ พัทยา เป็นต้น ซึ่งจะเปิดในไซส์ใหญ่ปกติมากขึ้นเนื่องจากขณะนี้ตลาดนั่งรับประทานในร้านเริ่มกลับมาปกติแล้ว โดยคาดว่าจะต้องใช้งบลงทุนเฉลี่ย 50 ล้านบาทต่อปีในการเปิดสาขาใหม่
โดยครึ่งปีแรกนี้เปิดใหม่ไปแล้วรวม 5 สาขาขนาดใหญ่ ส่วนปีที่แล้วเปิดสาขาใหม่มากถึง 12 แห่ง แต่จะมีทั้งที่เป็นสาขาจุดดีลิเวอรี สาขาขนาดเล็ก เป็นหลัก ปัจจุบันสลัดแฟคทอรี่เปิดบริการรวม 34 สาขา อยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีต่างจังหวัดเพียงสาขาเดียวที่พัทยา
2. กลยุทธ์การทำตลาดแบบค้าปลีก คือการขายผลิตภัณฑ์นอกร้าน ที่เริ่มทำแล้วขณะนี้ เช่น การเปิดโมเดลเฟรชแอนด์อีซีส์ เป็นลักษณะบาร์จำหน่ายสลัดแบบสดๆ ในท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ต 2 สาขาที่เซ็นทรัลชิดลม กับเซ็นทรัลอีสต์วิลล์ และโมเดลสินค้าพร้อมรับประทาน จำหน่ายที่ท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ต 4 สาขา และการวางจำหน่ายน้ำสลัดที่ท็อปส์เช่นกัน
3. การร่วมมือกับพันธมิตรหลากหลายรูปแบบ เพื่อให้สินค้าเข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้นและเป็นการขยายกลุ่มเป้าหมายมากขึ้นด้วย เช่นล่าสุดได้ร่วมมือกับทางบริษัท ธรรมชาติ ซีฟู้ด รีเทล จำกัด ผู้นำเข้าและจำหน่ายอาหารทะเลซีฟูด จัด “Taste of New Zealand” ครั้งนี้ เพื่อประสบการณ์ไม่ซ้ำใคร ธรรมชาติซีฟู้ดได้นำเข้าปลาคิงคลิป (Kingklip) และปลาโฮกิ (Hoki) จากประเทศนิวซีแลนด์ ที่เป็นที่นิยมอย่างสูง ทั้งในกลุ่มเชฟจากร้านอาหารชั้นนำ และด้วยประเทศนิวซีแลนด์มีชื่อเสียงในด้านคุณภาพ ความสด และรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ได้มาจากแหล่งประมงยั่งยืน ที่ให้ความสำคัญต่อการอนุรักษ์ระบบนิเวศทางทะเล มาผสมผสานกับเมนูสุขภาพที่สร้างสรรค์โดย สลัดแฟคทอรี่ “Taste of New Zealand” จากการร่วมมือของหลากหลายพาร์ตเนอร์ที่มาร่วมกันในแคมเปญนี้ ซึ่งปลาจาก ธรรมชาติซีฟู้ด และกีวีจาก เซสปรีกีวี นับเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงเป็นตัวแทนของนิวซีแลนด์ได้เป็นอย่างดี โดยประกอบด้วย 6 เมนูพิเศษ ตั้งเป้าสำหรับแคมเปญนี้ว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายให้สลัดแฟคทอรี่ 10 -15%
นายปิยะกล่าวต่อว่า ปี 2566 นี้คาดว่าผลประกอบการของแบรนด์จะเติบโตมากถึง 70% และคาดว่าจะมีรายได้รวมปีนี้ที่ 600 ล้านบาท ส่วนแผน 5 ปีนั้นคาดว่าจะมีรายได้เกิน 1,000 ล้านบาทได้แน่นอน