xs
xsm
sm
md
lg

ปตท.สผ.กำไรงวด 6 เดือนพุ่ง 4.03 หมื่นล้าน บอร์ดไฟเขียวปันผลระหว่างกาล 4.25 บาท/หุ้น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ปตท.สผ.แจงกำไรครึ่งแรกปีนี้พุ่งแตะ 4.03 หมื่นล้านบาท มาจากปริมาณการผลิตปิโตรเลียมที่เพิ่มขึ้นแต่ราคาขายที่ลดลง บอร์ดฯ ไฟเขียวจ่ายปันผลระหว่างกาลหุ้นละ 4.25 บาท โดยสามารถนำส่งรายได้ให้รัฐประมาณ 42,000 ล้านบาทเพื่อการพัฒนาประเทศ

นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (PTTEP) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยผลประกอบการในรอบ 6 เดือนแรกของปี 2566 ว่า ปตท.สผ.มีรายได้รวม 4,359 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่า 148,932 ล้านบาท มีปริมาณขายปิโตรเลียมเฉลี่ยอยู่ที่ 452,799 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 446,519 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการผลิตปิโตรเลียมในประเทศ ได้แก่ โครงการจี 1/61 โครงการอาทิตย์ และโครงการพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (MTJDA) ส่วนราคาขายผลิตภัณฑ์ปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทจึงมีกำไรสุทธิ 1,180 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่า 40,321 ล้านบาท เทียบจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 31,119 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.57%

ทั้งนี้ บริษัทยังคงรักษาต้นทุนต่อหน่วย (Unit cost) ไว้ที่ 26.24 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ โดยมีอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคาที่ร้อยละ 75

นายมนตรีกล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินงานทั้งธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมและธุรกิจใหม่ว่า บริษัทสามารถเพิ่มอัตราการผลิตก๊าซธรรมชาติในโครงการจี 1/61 (แหล่งเอราวัณ, ปลาทอง, สตูล, ฟูนาน) ขึ้นมาอยู่ที่ 400 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในช่วงปลายไตรมาส 2 ตามแผนงาน เพื่อสนองตอบต่อแนวทางของภาครัฐในการลดผลกระทบด้านต้นทุนพลังงานให้แก่ประชาชน รวมทั้งยังเร่งการเจาะหลุมผลิต และติดตั้งแท่นหลุมผลิตเพิ่มเติมอีกจำนวน 4 แท่นภายในปีนี้ เพื่อเพิ่มอัตราการผลิตก๊าซฯ ให้ได้ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันในเดือนเมษายน 2567 ตามเงื่อนไขในสัญญาแบ่งปันผลผลิต

นอกจากนี้ บริษัทได้ชนะประมูลแปลงสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทย รอบที่ 24 อีก 2 แปลง ได้แก่ แปลงจี 1/65 และแปลงจี 3/65 ซึ่งอยู่ใกล้กับโครงการที่บริษัทเป็นผู้ดำเนินการอยู่แล้ว หากค้นพบแหล่งปิโตรเลียมจะสามารถผลักดันการพัฒนาโครงการได้รวดเร็วขึ้น ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและสร้างประโยชน์ให้แก่ประเทศไทยได้ในอนาคต

ด้านความคืบหน้าการลงทุนในธุรกิจใหม่ ปตท.สผ. และ 5 บริษัทพันธมิตรชั้นนำระดับโลกได้ชนะการประมูลสัมปทานการพัฒนาโครงการผลิตกรีนไฮโดรเจนขนาดใหญ่ ในแปลงสัมปทาน Z1-02 รัฐสุลต่านโอมาน โดยตั้งเป้าผลิตกรีนไฮโดรเจนในปี 2573 ที่อัตราประมาณ 2.2 แสนตันต่อปี นับเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญของ ปตท.สผ.ในการเดินหน้าพัฒนาแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่แห่งอนาคตซึ่งเป็นพลังงานสะอาด เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

ส่วนการดำเนินงานเพื่อเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 (Net Zero Greenhouse Gas Emissions by 2050) นั้น ปตท.สผ. ได้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสะสมได้ประมาณ 1.9 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า จากปีฐาน 2563 ผ่านการบริหารจัดการการลงทุนในโครงการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมที่มีคาร์บอนต่ำ การจัดการหลุมผลิตที่เหมาะสม รวมถึงการจัดทำโครงการลดก๊าซเรือนกระจกต่างๆ เช่น การนำก๊าซส่วนเกินจากกระบวนการผลิตปิโตรเลียมกลับมาใช้ใหม่ การปรับปรุงกระบวนการผลิต การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน และการใช้พลังงานหมุนเวียน เป็นต้น

ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2566 มีมติอนุมัติเสนอจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรก ปี 2566 ที่ 4.25 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดวันให้สิทธิผู้ถือหุ้น (Record Date) เพื่อรับสิทธิในการรับเงินปันผลวันที่ 16 สิงหาคม 2566 และจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 29 สิงหาคม 2566

จากผลการดำเนินงานในรอบครึ่งปีแรกของปี 2566 ปตท.สผ.สามารถนำส่งรายได้ให้แก่รัฐ ซึ่งอยู่ในรูปภาษีเงินได้ ค่าภาคหลวง โบนัสการผลิต และผลประโยชน์อื่นๆ ประมาณ 42,000 ล้านบาท เพื่อนำไปพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ เช่น ด้านการพัฒนาชุมชน การศึกษา และการวิจัยและพัฒนา เป็นต้น


กำลังโหลดความคิดเห็น