SCC หั่นรายได้จากการขายในปีนี้ต่ำกว่าปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 5.8 แสนล้านบาท มาจากผลกระทบยอดขายทุกกลุ่มธุรกิจที่ลดลงตามสภาพตลาดที่อ่อนแอ พร้อมปรับงบลงทุนในปีนี้เหลือแค่ 4 หมื่นล้านบาทจากเดิมตั้งไว้ 5 หมื่นล้านบาท ชงบอร์ดสรุป SCGC เข้าตลาดหุ้น
นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ในปี 2566 จะต่ำกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 582,292.21 ล้านบาท หลังจากครึ่งแรกปีนี้มีรายได้จากการขาย 253,379 ล้านบาท ลดลง 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากยอดขายทุกกลุ่มธุรกิจที่ลดลงตามสถานการณ์ตลาดที่อ่อนตัว ทำให้บริษัทไม่สามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตของรายได้ในปีนี้เพิ่มขึ้น 10%
ขณะที่มองภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีหลังนี้ ยังมีความท้าทายมากทั้งภายในและต่างประเทศ โดยปัจจัยภายในประเทศ บริษัทมีความกังวลเรื่องภัยแล้งและโครงการลงทุนใหม่ของภาครัฐที่อาจล่าช้าออกไปจากการจัดตั้งรัฐบาลที่ล่าช้า ส่วนปัจจัยต่างประเทศพบว่าเศรษฐกิจโลกยังมีความเสี่ยงชะลอตัวทั้งในสหรัฐฯ และยุโรป หลังจากล่าสุดธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง
แต่ทั้งนี้ บริษัทคาดว่ายอดขายจากต่างประเทศในครึ่งปีหลังนี้จะดีขึ้นเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก เนื่องจากเศรษฐกิจเวียดนาม กัมพูชา อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์เริ่มฟื้นตัวดีขึ้น หลังจากครึ่งปีแรกที่ซบเซา ส่วนยอดขายในไทยคาดว่าครึ่งปีหลังคงทรงตัว เพราะไตรมาส 3 เข้าสู่ฤดูฝนเป็นช่วงโลซีซันของธุรกิจซีเมนต์ และธุรกิจเคมิคอลส์มีซัปพลายใหม่จากจีนและสหรัฐฯ เข้ามากดดันราคาให้อ่อนตัวลง
นายรุ่งโรจน์กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้บริษัทปรับลดงบลงทุนเหลือเพียง 4 หมื่นล้านบาท ลดลงจากเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ที่ 5 หมื่นล้านบาท เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันทำให้บริษัทต้องรอบคอบในการลงทุน ซึ่งงบลงทุนส่วนใหญ่ในปีนี้จะใช้ในโครงการปิโตรเคมีคอมเพล็กซ์ LSP ที่เวียดนาม ซึ่งขณะนี้เตรียม Test Run โรงโอเลฟินส์แครกเกอร์ คาดว่าจะเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาส 4/2566 รวมทั้งลงทุนโครงการพลังงานสะอาด เป็นต้น
ส่วนความคืบหน้าการนำ บมจ.เอสซีจี เคมิคอลส์ (SCGC) เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯนั้น บริษัทเตรียมนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ในช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย.นี้ เพื่อสรุปกรอบเวลาการนำ SCGC เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ หลังจากเลื่อนมาจากปีก่อน และล่าสุดมีกำหนดเข้าเทรดซื้อขายหุ้นในช่วงไตรมาส 4/2566
ผลประกอบการไตรมาส 2/2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ 8,082.24 ล้านบาท ลดลง 19% ช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 9,937.63 ล้านบาท ส่วนใหญ่จากส่วนต่างราคาขายสินค้าเคมีภัณฑ์และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่ลดลงของธุรกิจเคมิคอลส์ โดยในไตรมาส 2 ปี 2566 มีกำไรจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในธุรกิจอื่น 2,866 ล้านบาท โดย SCC มีรายได้จากการขายในไตรมาส 2/2566 อยู่ที่ 124,631 ล้านบาท ลดลง 18% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน มาจากยอดขายที่ลดลงของทุกกลุ่มธุรกิจสาเหตุหลักจากราคาสินค้า เคมีภัณฑ์ที่ลดลง
สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปีนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิ 24,607.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 18,781.14 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนรวม 14,822 ล้านบาท โดยบริษัทมีรายได้จากการขาย 253,379 ล้านบาท ลดลง 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมาจากยอดขายที่ลดลงของทุกกลุ่มธุรกิจจากสถานการ์ตลาดที่อ่อนตัว
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2566 มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งปีแรกของปี 2566 ที่อัตราหุ้นละ 2.50 บาท กำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 25 สิงหาคม 2566