ใครจะไปคิดว่าผักสดสีเขียวอย่าง “ผักปลัง” ซึ่งเป็นผักพื้นถิ่นของ จ.พิษณุโลก ที่เดิมขึ้นตามรั้ว และไม่มีใครสนใจ มาวันนี้กลับขึ้นชั้นถูกนำไปแปรรูปเป็นบะหมี่ผักปลัง ที่เป็นที่ต้องการของตลาดในกลุ่มของผู้ที่ชื่นชอบสินค้าเกษตรอินทรีย์ และกลุ่มคนรักสุขภาพ แต่ก็ต้องผ่านการล้มลุกคลุกคลาน ผ่านการลองผิดลองถูก กว่าที่จะมีวันนี้ได้
กระทรวงพาณิชย์ขอพาไปรู้จักกับผู้ที่คิดค้น และที่มาที่ไปของ “เอ็นดู บะหมี่ผักปลัง” ที่ปัจจุบันได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และยังเป็นหนึ่งในสินค้าที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการ Local BCG Plus ของกระทรวงพาณิชย์
น.ส.อุษณีย์กรณ์ จุ้ยแหวว เจ้าของร้านเอ็นดู บะหมี่ผักปลัง จ.พิษณุโลก เล่าให้ฟังว่า แนวคิดในการทำบะหมี่จากผักปลัง เกิดขึ้นจากการที่มองเห็นว่าคนในหมู่บ้านส่วนใหญ่มีอาชีพทำการเกษตร ทำไร่ ทำนา และตนเองเป็นผู้นำหมู่บ้าน แล้วก็เป็นเจ้าของร้านขายเคมี เห็นชาวบ้านขาดทุนจากการทำนา เพราะเขามีต้นทุนที่สูง ปกติเขาจะมาซื้อปุ๋ยซื้อยาที่ร้าน ถึงหน้าเก็บเกี่ยวจะมาจ่ายเงิน แต่เขาไม่มีเงินคืน เพราะประสบปัญหาเรื่องภัยธรรมชาติ เคยถามชาวบ้านว่าทำแล้วไม่ได้กำไร จะทำทำไม เขาก็บอกว่าก็ไม่รู้จะทำอะไร และช่วงที่มีการตรวจสุขภาพประจำปีของหมู่บ้าน พบว่าลูกบ้านมีสารเคมีตกค้างในตัวสูง
“คิดว่าจะทำอย่างไรดี ให้ลูกบ้านมีสุขภาพดีขึ้น เลยลองชวนลูกบ้านมาปลูกผักอินทรีย์ ทำปุ๋ยหมักเอง แต่ยังไม่มีใครสนใจ จึงลองเริ่มจากการปลูกเอง และเลิกขายปุ๋ย เราอยากทำให้เขาดู ชักจูงให้เขาเห็น แล้วก็รวมกลุ่มกันปลูกผักอินทรีย์ ช่วงแรกเจอปัญหาเรื่องหนอน เป็นโรคบ้าง ก็คิดว่าเราท้อไม่ได้ จากนั้นไปศึกษาหาความรู้ จนทำได้ และมาสอนชาวบ้าน ต่อมาตั้งกลุ่มไลน์ขายผัก ลูกค้าก็จะดึงคนรู้จักเข้ากลุ่มเรื่อยๆ จนวันหนึ่งเราขายผักได้แล้ว ก็อยากเพิ่มมูลค่าของผัก”
ทั้งนี้ ในตำบลมีมหาวิทยาลัยราชมงคลล้านนา ก็เดินไปขอความช่วยเหลือ ให้เขาช่วยคิดค้นสูตรและทำวิจัยให้ จนปรึกษากันในที่สุดเลือกผักปลัง เพราะว่าเป็นผักพื้นถิ่น เมื่อก่อนขึ้นตามรั้ว แต่ไม่มีใครสนใจ และใกล้จะสูญหาย ก็เลยนำผักปลังมาแปรรูป โดยผักปลังมีประโยชน์มาก มีสารประกอบฟีนอลิก แคโรทีนอยด์ กรดไขมัน สารเมือก กรดอะมิโน สามารถขับปัสสาวะ ลดความเสี่ยงโรคเบาหวาน จึงนำมาเป็นวัตถุดิบหลักเพื่อพัฒนาเป็นบะหมี่ผักปลังอบแห้ง
โดยจุดเด่นของสินค้า เป็นบะหมี่ผักที่เน้นเรื่องสุขภาพ ไม่ใส่วัตถุกันเสีย ไม่แต่งกลิ่น ไม่แต่งสี ไม่ใส่ไข่ โดยจะมีเส้นเนื้อสัมผัสที่เหนียวนุ่ม ไม่เหม็นเขียว ปัจจุบันผลิตได้ 500 ชิ้นต่อวัน ใช้ผักปลังประมาณ 10 กิโลกรัมต่อวัน และตอนนี้ให้สมาชิก 20 กว่าคนปลูกผักปลังเพิ่ม โดยไปสอนการดูแล เพราะตอนแรกไม่รู้ว่าทำไมผักปลังถึงให้สีไม่เหมือนกัน และมารู้ว่าต้องดูแลตั้งแต่แรกเลยว่าผักปลังแบบนี้จะให้สีแบบนี้ต้องรดน้ำขนาดไหนถึงจะให้สีที่สวย ปลูกเสร็จเก็บผลผลิต เกษตรกรก็นำมาส่งให้เรา เป็นการกระจายรายได้ให้คนในชุมชน
ส่วนด้านการตลาด ได้เริ่มจากขายกลุ่มเล็กๆ ให้คนรู้จักก่อน และขยายมาขายในเพจ ส่วนแผนในอนาคต อยากเพิ่มผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ เช่น ผักอบกรอบ สาหร่าย และประเภทเครื่องดื่ม BCG โดยจะใช้ทรัพยากรในท้องถิ่น ส่วนคนที่เลี้ยงสัตว์ ก็จะนำมูลสัตว์มาขายให้กลุ่มเราเพื่อนำมาทำปุ๋ยหมักอินทรีย์ และอยากให้กระทรวงพาณิชย์เข้ามาช่วยเหลือในเรื่องของการออกบูทแสดงสินค้าเพื่อให้คนรู้จักเรามากขึ้น และช่วยอบรมเรื่องตลาดออนไลน์