กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเผยสถิติส่งออกกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง 5 เดือนปี 66 พบส่งออกไปคู่ค้า FTA มูลค่า 177 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 27% โตดีทั้งจีน เกาหลีใต้ ฮ่องกง มาเลเซีย และเวียดนาม ระบุคู่ค้า 18 ประเทศลดภาษีนำเข้าให้ไทยเหลือ 0% แล้ว เว้นเกาหลีใต้ อินเดีย ที่ยังเก็บบางรายการ ย้ำเดินหน้าเจรจาลดภาษี ทั้งกรอบเดิม และกรอบใหม่ต่อ เพื่อเปิดตลาดให้กุ้งไทย
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า จากการติดตามสถิติการค้าระหว่างประเทศของไทยในช่วง 5 เดือนของปี 2566 (ม.ค.-พ.ค.) พบว่าสินค้ากุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง เป็นสินค้าในกลุ่มสินค้าประมงที่มีศักยภาพและน่าจับตามอง และมีการส่งออกขยายตัวต่อเนื่อง โดยหากดูเฉพาะการส่งออกไปยังตลาดคู่ค้า FTA มีมูลค่า 177.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 27% คิดเป็นสัดส่วน 71.2% ของการส่งออกกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งทั้งหมดของไทย และตลาดส่งออกที่ขยายตัวได้ดี เช่น จีน เพิ่ม 90.1% เกาหลีใต้ เพิ่ม 44% ฮ่องกง เพิ่ม 6.2% มาเลเซีย เพิ่ม 27.7% และเวียดนาม เพิ่ม 174.4% ส่วนการส่งออกไปประเทศที่ไทยไม่มี FTA ลด 31.6%
ทั้งนี้ ในปี 2565 ไทยส่งออกกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งเป็นอันดับ 9 ของโลก และอันดับ 3 ของอาเซียน โดยไทยส่งออกกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งไปตลาดโลก มูลค่า 699.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 2.1% และเป็นการส่งออกไปประเทศคู่ค้า FTA มูลค่าถึง 437.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่ม 13.7% ตลาดส่งออกหลัก ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และเวียดนาม
นางอรมนกล่าวว่า ความตกลงการค้าเสรี (FTA) ที่ไทยทำกับคู่ค้า 18 ประเทศ เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสนับสนุนให้การส่งออกกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งของไทยขยายตัวต่อเนื่อง โดยปัจจุบันคู่ค้า FTA 16 ประเทศ ได้แก่ อาเซียน ออสเตรเลีย จีน ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ เปรู ชิลี และฮ่องกง ได้ยกเลิกการเก็บภาษีกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งนำเข้าจากไทยทุกรายการแล้ว เหลืออีกเพียง 2 ประเทศ คือ เกาหลีใต้ ยกเลิกการเก็บภาษีกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งบางรายการ แต่ยังคงเก็บโควตาภาษีกุ้งน้ำเย็น และกุ้งอื่นๆ แช่เย็นแช่แข็ง โดยเก็บภาษีในโควตาที่ 0% และภาษีนอกโควตา 20% และอินเดีย ยกเลิกการเก็บภาษีกุ้งแช่เย็นแช่แข็งบางส่วน แต่ยังคงเก็บภาษีกุ้งร็อกลอบสเตอร์ กุ้งลอบสเตอร์ กุ้งนอร์เวย์ลอบสเตอร์แช่เย็น และกุ้งน้ำเย็น อื่นๆ ที่ 30%
“กรมฯ จะเดินหน้าผลักดันให้ประเทศคู่ค้าเปิดตลาดสินค้ากุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งให้ไทยเพิ่มเติม ผ่านการทบทวน FTA ที่มีอยู่ในปัจจุบัน การสรุปผล FTA ที่อยู่ระหว่างการเจรจา และการเปิดเจรจา FTA ฉบับใหม่ๆ ซึ่งปัจจุบันกรมฯ อยู่ระหว่างเจรจา FTA กับหลายประเทศ ทั้งสหภาพยุโรป สมาคมการค้าเสรียุโรป แคนาดา และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อสร้างแต้มต่อให้กับสินค้าไทยในตลาดโลก” นางอรมนกล่าว
อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการไทยควรศึกษาความต้องการของตลาด สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า และให้ความสำคัญต่อกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งใช้ประโยชน์จาก FTA เป็นเครื่องมือขยายการส่งออก โดยเฉพาะตลาดจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และฮ่องกง ที่กลุ่มชนชั้นกลางรายได้สูงมีแนวโน้มต้องการสินค้าอาหารประเภท Luxury และอาหารทะเล เพิ่มขึ้น
