โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ยินดีการเจรจาความตกลงการค้าเสรีหลายฉบับคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม เชื่อมั่นไทยใช้ประโยชน์จาก FTA สนับสนุนโอกาสสินค้าไทยไปตลาดโลก ยกระดับมาตรฐานสินค้าสู่สากล
วันนี้ (6 ก.ค.) นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยความคืบหน้าการจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ซึ่งการเจรจาจัดทำในหลายฉบับมีความคืบหน้าเป็นไปในทิศทางบวก และตรงตามห้วงระยะเวลาที่กำหนด ทั้งการติดตามการเจรจาในภาพรวม และการเจรจาเพื่อการยกร่างความตกลงในแต่ละด้าน เป็นไปตามเป้าหมายสรุปผลการเจรจา ซึ่งพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ชื่นชมการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ด้วยตระหนักถึงความสำคัญของการจัดทำ FTA สามารถใช้สิทธิประโยชน์จาก FTA ขยายตลาดส่งออก เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันทางการค้า
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เดินหน้าเจรจาการค้าเชิงรุก เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้ร่วมประชุมเจรจาเพื่อจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) อาเซียน-แคนาดา เพื่อกำกับดูแลและติดตามการเจรจาในภาพรวม มีการหารือเพื่อยกร่างความตกลง ซึ่งทั้งสองฝ่ายตั้งเป้าสรุปผลการเจรจาให้ได้ภายในปี 2567 ทั้งนี้ การค้าระหว่างอาเซียนและแคนาดา ในช่วงมกราคม-เมษายน 2566 มีมูลค่าสูงถึงกว่า 9,136.26 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่การค้าระหว่างไทยกับแคนาดา มีมูลค่า 1,176.08 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2566 (มกราคม - พฤษภาคม)
ในขณะที่ความตกลงการค้าเสรีไทย-ศรีลังกา (Thailand-Sri Lanka Free Trade Agreement: SLTFTA) บรรลุข้อตกลงสำคัญในการเจรจาหลักด้านมาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช โดยมีผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์อย่างมากต่อการอำนวยความสะดวกทางการค้า ซึ่งจะปูทางไปสู่การเป็นหุ้นส่วนทางการค้าที่เป็นประโยชน์ร่วมกันระหว่างสองประเทศ โดยข้อตกลงนี้ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่ไทยและศรีลังกาสามารถใช้ประโยชน์จากข้อตกลงเพื่อเพิ่มมูลค่าทางการค้า ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ตลอดจนไปสู่การเป็นประตูการค้าสู่ภูมิภาคของกันและกัน
"นายกฯ ยินดีที่การเดินหน้าเจรจาความตกลง FTA ของไทยประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง และเห็นความสำเร็จเป็นรูปธรรม ชื่นชมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้เร่งหารือประเด็นต่าง ๆ ให้มีความคืบหน้ามากที่สุด เดินหน้าตามเป้าหมายสรุปผลการเจรจาที่ตั้งไว้ เพื่อให้ความตกลงมีความทันสมัย สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ทั้งนี้ เป็นไปตามที่มีความตั้งใจ คือทำเพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าให้ผู้ประกอบการชาวไทยมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเพื่อผลักดันสินค้าไทยที่มีศักยภาพสู่ระดับสากลมากยิ่งขึ้น โดยนายกรัฐมนตรีขอให้ควบคุมคุณภาพสินค้าให้ดีเพื่อชื่อเสียงและความเชื่อมั่นต่อสินค้าไทย” นายอนุชาฯ กล่าว