สสว.เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME เดือนพฤษภาคม 2566 ชะลอตัวลงหลังจากปรับตัวพุ่งสูงขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ และผลจากสิ้นสุดมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยว รวมถึงผู้ประกอบการยังคงมีความกังวลด้านต้นทุน สะท้อนเชื่อมั่น 3 เดือนข้างหน้าลดลงเล็กน้อย
นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (Sentiment Index: SMESI) ประจำเดือนพฤษภาคม 2566 เปรียบเทียบกับเดือนเมษายนพบว่า ค่าดัชนี SMESI อยู่ที่ระดับ 53.0 ลดลงจากระดับ 55.3 ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงในทุกองค์ประกอบ ผลจากกำลังซื้อที่ชะลอตัวลงหลังจากที่พุ่งสูงขึ้นช่วงเทศกาลสงกรานต์ในเดือนก่อน โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์จากภาคการท่องเที่ยวและโครงการเราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 ที่จบลงไป
นอกจากนั้น ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังมีความกังวลด้านต้นทุน แม้แนวโน้มเงินเฟ้อจะปรับลดลงแล้วก็ตาม แต่ระดับของค่าใช้จ่ายยังคงสูง โดยเฉพาะค่าไฟฟ้า น้ำมันเชื้อเพลิง และสินค้าในกลุ่มอาหารสดและผัก อย่างไรก็ตาม ค่าดัชนี SMESI ยังสูงกว่าค่าฐาน สะท้อนว่าผู้ประกอบการยังมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจประเทศ
"ดัชนีความเชื่อมั่นฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าทรงตัวในระดับลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ระดับ 52.3 จาก 52.5 แต่ยังคงอยู่ในช่วงของความเชื่อมั่น โดยมีความกังวลต่อต้นทุนเป็นสำคัญ รวมถึงแนวโน้มค่าแรงที่อาจสูงขึ้นในอนาคต" นายวีระพงศ์กล่าว
ทั้งนี้ องค์ประกอบความเชื่อมั่นปรับตัวลดลงทุกองค์ประกอบ โดยดัชนีด้านกำไรปรับตัวลดลงมากที่สุด อยู่ที่ระดับ 57.1 จากระดับ 61.4 รองลงมา ด้านคำสั่งซื้อโดยรวม อยู่ที่ระดับ 63.9 จากระดับ 67.0 และปริมาณการผลิต/การค้า/การบริการ การลงทุนโดยรวม ต้นทุนโดยรวม และการจ้างงาน ความเชื่อมั่นลดลงอยู่ที่ระดับ 57.3 52.1 37.4 และ 50.0 ตามลำดับ จากระดับ 59.6 54.3 39.1 และ 50.5 ตามลำดับ โดยเกือบทุกองค์ประกอบ
ค่าดัชนีฯ อยู่สูงกว่าค่าฐานที่ 50 ค่อนข้างมาก แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการยังมีความเชื่อมั่นในแต่ละองค์ประกอบในระดับที่ดีอยู่ จะมีเพียงด้านต้นทุนที่อยู่ในระดับต่ำกว่า 50 ซึ่งผู้ประกอบการมีความกังวลเกี่ยวกับค่าไฟฟ้า
เมื่อพิจารณารายภาคธุรกิจ พบว่า ภาคธุรกิจสำคัญปรับตัวลดลงทั้งหมด โดยเฉพาะกับภาคการค้าและภาคการบริการ ในสาขาที่ได้รับอานิสงส์จากการท่องเที่ยว ภาคการค้า มีค่าดัชนี SMESI ลดลงสูงสุดอยู่ที่ 50.1 จาก 54.0 เหตุเพราะกำลังซื้อลดลง การสิ้นสุดเทศกาลซึ่งส่งผลต่อการจับจ่ายใช้สอยและการเดินทาง รองลงมา คือ ภาคการบริการ อยู่ที่ระดับ 56.2 จากระดับ 58.4 ผลจากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวปรับตัวลดลงในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะกลุ่มร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบทางลบจากราคาต้นทุนที่สูงขึ้น แต่กลุ่มบริการอื่น ๆ ยังมีคำสั่งซื้อต่อเนื่อง เช่น การก่อสร้าง หรือกลุ่มบริการกีฬา
ภาคการผลิต อยู่ที่ระดับ 51.9 จากระดับ 52.9 ชะลอตัวลง โดยเฉพาะกับกลุ่มผลิตอาหารและเครื่องดื่มที่เผชิญกับราคาต้นทุนวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น ในกลุ่มเนื้อสัตว์ ผักและผลไม้ ส่วนภาคธุรกิจการเกษตร อยู่ที่ระดับ 51.1 จากระดับ 51.6 ชะลอตัวลงในกลุ่มของการค้าขายสินค้าและผลผลิตทางการเกษตรมียอดขายที่ลดลง