สกพอ.เร่งเดินหน้าทบทวนแผนอีอีซี 5 ปี (ปี 2566-70) เตรียมเปิดรับฟังความเห็น ก.ค. ก่อนสรุปภายใน ก.ย. เพื่อเสนอต่อ กพอ. พร้อมศึกษาเตรียมออกกฎหมายลูก 20 ฉบับ รวมศูนย์บริการลดขั้นตอนเพิ่มความสะดวกดึงนักลงทุนกลุ่มเป้าหมาย ปรับโครงสร้างองค์กรวาง 7 สายงานขับเคลื่อน
นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เปิดเผยว่า สกพอ.อยู่ระหว่างการทบทวนแผนเพื่อการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ระยะ 5 ปี (2566-2570) หลังจากนั้นจะรับฟังความคิดเห็นจากภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องภายในเดือน ก.ค.นี้ คาดว่าแผนจะแล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย. 66 ก่อนเสนอต่อรัฐบาลใหม่ในการประชุมคณะกรรมการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) เพื่อเห็นชอบต่อไป ทั้งนี้ การทบทวนแผนดังกล่าวเพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก ทั้งภาวะเศรษฐกิจ ภูมิรัฐศาสตร์ การเมือง และหลังจากเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ส่งผลต่อการใช้ชีวิตวิถีชีวิตใหม่ (New Normal) และการดำเนินธุรกิจ
สำหรับการทบทวนแผนดังกล่าวอีอีซีให้ความสำคัญต่อการเชื่อมโยงระหว่างการพัฒนาและส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายซึ่งปัจจุบันแบ่งเป็น 5 คลัสเตอร์หลักได้แก่ กลุ่มยานยนต์สมัยใหม่ (EV), กลุ่มการแพทย์และสุขภาพครบวงจร, กลุ่ม BCG เน้นการลงทุนด้านการเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ, กลุ่มนวัตกรรมดิจิทัลและเทคโนโลยี 5G, กลุ่มอุตสาหกรรมบริการ ด้านการบินและโลจิสติกส์ ท่องเที่ยว ซึ่งต้องมีการเชื่อมโยงระหว่างอุตสาหกรรมกับชุมชนด้วย รวมทั้งจัดทำข้อแนะนำสำหรับการลงทุนในอีอีซีว่าควรลงทุนอุตสาหกรรมใด ซึ่งคล้ายกับการจัดโซนนิ่งในพื้นที่ ฯลฯ
“จะมีการออกกฎหมายลูกประมาณ 20 ฉบับ เพื่อกำหนดขั้นตอน รองรับการทำงาน ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษา คาดว่าจะศึกษาเสร็จ และทยอยนำกฎหมายลูกเสนอ กพอ.เห็นชอบได้ครบทั้ง 20 ฉบับภายในปีนี้ ซึ่งจะแบ่งกฎหมายลูก 20 ฉบับ ออกเป็น 3 กลุ่ม โดยกลุ่มแรก ประมาณ 5 ฉบับ เป็นเรื่องสามารถดำเนินการให้นักลงทุนรับสิทธิ์ได้ทันที เน้นการเพิ่ม ประสิทธิภาพและอำนวยความสะดวกการดูแลการให้บริการนักลงทุนได้มากขึ้น เป็นต้น” นายจุฬากล่าว
นอกจากนี้ สกพอ.ยังมีการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ให้มีความเหมาะสมและจัดบุคลากรให้เพียงพอต่อภารกิจเพื่อรองรับแผนงานดังกล่าว โดยมี 7 สายงาน ประกอบด้วย 1. สายงานนโยบายและแผน 2. สายงานเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ 3. สายงานพื้นที่และชุมชน 4. สายงานโครงสร้างพื้นฐาน 5. สายงานการลงทุนและการต่างประเทศ 6. สายงานเพิ่มประสิทธิภาพองค์กร 7. สายงานขึ้นตรงเลขาธิการ
"การทบทวนแผนภาพรวมฯ การออกกฎหมายลูก เพื่ออำนวยความสะดวกการให้บริการต่างๆ อาจมีผลต่อเป้าหมายการลงทุนระยะ 2 ที่ 2.2 ล้านล้านบาท ซึ่งหากปรับปรุงและสามารถลดขั้นตอนที่ยุ่งยาก และเสียเวลาในการขอใบอนุญาต สิทธิประโยชน์ต่างๆ ลงได้ ในแง่ของ นักลงทุน ถือว่ามีมูลค่าทางเศรษฐกิจที่สูงมาก โดยปี 2566 จะเป็นปีแห่งการลงทุน เราจึงมองเจาะกลุ่มเป้าหมายนักลงทุนยิ่งขึ้น การจัดคลัสเตอร์แต่ละอุตสาหกรรมที่จะเห็นได้ชัดว่าเกิดการจองและการเข้าเจรจาการลงทุนต่อเนื่องในพื้นที่อีอีซี" นายจุฬากล่าว
