xs
xsm
sm
md
lg

“อลงกรณ์” ฟันธง “พิธา” รอดคดีหุ้นไอทีวี เชื่อจบในชั้น กกต. ภายใน 45 วัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศูนย์ข่าวศรีราชา - “อลงกรณ์” โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” รอดคดีหุ้นไอทีวี และเชื่อว่าการพิจารณาน่าจะจบในชั้น กกต.ภายใน 45 วัน ยันแม้ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาจะเป็นคู่แข่งกัน แต่สุดท้ายก็ต้องช่วยกันผดุงความยุติธรรม

วันนี้ (12 มิ.ย.) นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรัฐมนตรี และอดีต ส.ส.หลายสมัย ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัววิเคราะห์คดีหุ้นไอทีวีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าน่าจะจบในชั้น กกต.ภายใน 45 วัน เนื่องจากเป็นเรื่องง่ายๆ และไม่มีอะไรซับซ้อน ที่สำคัญไม่เข้าข่ายการกระทำความผิดตามมาตรา 151 จึงขออนุญาตแสดงความเห็นตามข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงในข้อเขียนสั้นๆ ดังนี้

“รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มีการระบุไว้ในมาตรา 98(3) ซึ่งว่าด้วยคุณสมบัติที่ห้ามลงสมัคร ส.ส. โดยระบุว่า  ห้ามเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ ดังนั้นกฎหมายลูกคือพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2561 แก้ไขเพิ่มเติม 2566 จึงบัญญัติมาตรา 151 ความว่า "ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ลักษณะต้องห้ามเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นสื่อ)"


ส่วนกรณี นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถือครองเป็นเจ้าของหุ้นไอทีวีจะเข้าข่ายการกระทำความผิดตามมาตรา 151 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ.2561 แก้ไขเพิ่มเติม 2566 หรือไม่ เรื่องนี้มีหลายมุมมอง แต่สำหรับผมมีความเห็นดังนี้ครับ

1.ประเด็นหุ้นไอทีวีไม่มีอะไรซับซ้อนเพราะมีคำถามเดียวที่ต้องพิสูจน์คือ หุ้นไอทีวีเป็นของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หรือเป็นของกองมรดกที่นายพิธา เป็นผู้จัดการมรดก เป็นปมสำคัญที่สุด

2.การพิจารณาข้อกฎหมายเรื่องหุ้นไอทีวีของนายพิธา คือ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์โดยเฉพาะว่าด้วยมรดก

3.จากการประมวลข้อเท็จจริงอย่างรอบคอบโดยปราศจากอคติจากทุกฝ่ายได้ความว่า นายพิธา ถือหุ้นในนามผู้จัดการมรดก ไม่ใช่ถือในนามส่วนตัวและในฐานะทายาทได้สละมรดกแล้วซึ่งมีผลว่าไม่ได้เป็นเจ้าของหุ้นตั้งแต่ปี 2550

4.เมื่อพิจารณาข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงจึงสรุปได้ว่า นายพิธา ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 151

5.ดังนั้นประเด็นเรื่องหุ้นไอทีวีจะปิดสำนวนในชั้น กกต.ภายใน 30 วัน หรือ 45 วัน

การพิจารณาประเด็นหุ้นไอทีวีต้องยึดหลักความยุติธรรมโปร่งใสเป็นบรรทัดฐานในการวินิจฉัย อย่าทำให้เป็นคดีการเมือง

“ผมสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งแข่งขันกับ นายพิธา และพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา แต่เป็นหน้าที่ที่เราต้องช่วยผดุงความยุติธรรมเมื่อเห็นว่ามีความไม่ยุติธรรมเกิดขึ้นกับใครก็ตาม แม้แต่คู่แข่งทางการเมืองเพราะความยุติธรรมที่เที่ยงธรรมจะไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งแตกแยกในบ้านเมือง”

และยังระบุอีกว่า การบริหารประเทศด้วยหลักนิติรัฐและนิติธรรมสำคัญที่สุดสำหรับประเทศไทยในวันนี้และวันข้างหน้าครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น