xs
xsm
sm
md
lg

เริ่มยุคซันเซ็ต!? ดัชเชสเมแกนโดน ‘สปอติฟาย’ เทโปรเจ็กต์พอดแคสต์ทิ้งท่อแล้ว แถมซีซันแรกจะไม่ได้เงินครบตามดีล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พอดแคสต์อาร์เคอไทปส์ของดัชเชสเมแกนแห่งซัสเซกซ์ ถูกเทพ้นแพลตฟอร์มสปอติฟาย ไม่ได้ต่อสัญญาการผลิตคอนเทนต์ซีซัน 2 แน่นอนแล้ว
ดัชเชสเมแกนแห่งซัสเซกซ์ถูกเทพ้นแพลตฟอร์มสปอติฟาย ยักษ์ใหญ่ค่ายสตรีมมิงเพลงและวิดีโอ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น รายการพอดแคสต์อาร์เคอไทปส์ ของเธอบนสปอติฟายจะไม่มีซีซันสอง ขณะที่สปอติฟายเองก็ต้องเร่งเดินหน้านโยบายปรับปรุงเปลี่ยนแปลงการบริหารภายในของตน วอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานเมื่อค่ำคืนวานนี้ (15) ที่สหรัฐอเมริกา

สปอติฟาย แพลตฟอร์มบริการสตรีมมิงดนตรีและวิดีโอค่ายใหญ่สุดของโลก กับบริษัทอาร์ชแวลล์ ออดิโอ ของดัชเชสเมแกนกับเจ้าชายแฮร์รี ร่วมกันออกคำแถลงข่าวเมื่อคืนวันพฤหัสบดี (15) โดยระบุว่า ‘ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะแยกทาง และต่างรู้สึกภูมิใจในซีรีส์ที่ได้จัดทำด้วยกัน’

ดังนั้น ก็เป็นอันว่าข้อตกลงธุรกิจพอดแคสต์ที่สองพระองค์เคยมีกับสปอติฟาย นับจากปลายปี 2020 นั้น บัดนี้ถูกฉีกถูกคว่ำไปแล้ว และยังไม่มีความแน่ชัดว่าจะมีแพลตฟอร์มสตรีมมิงยักษ์ค่ายอื่นใดรับรายการพอดแคสต์ อาร์เคอไทปส์ ไปหรือไม่ สื่อบันเทิงนาม ฮอลลีวู้ดรีพอร์เตอร์รายงาน

ในห้วงปลายปี 2020 สื่อสำนักต่างๆ รายงานว่าดัชเชสเมแกนและพระสวามีแฮร์รีประสบความสำเร็จ คว้าดีลธุรกิจมูลค่า 20-25 ล้านดอลลาร์ บนข้อตกลงการผลิตรายการให้สปอติฟายที่ฝ่ายต่างๆ คาดหมายว่าดัชเชสจะขนเอาเรื่องอื้อฉาวทั้งปวงของพระราชวงศ์อังกฤษมาขยี้ให้ชาวประชาตื่นตาตื่นใจ แล้วแห่กันจ่ายค่าสมาชิกให้สปอติฟายเพื่อร่วมแซ่บไปด้วยกันทั่วสากลโลก แบบว่าจะเด็ดจะเลิศยิ่งกว่าคราวที่ทั้งสองไปให้สัมภาษณ์มลังเมลืองแก่รายการโอปราห์ วินฟรีย์จนกลายเป็น Talk of the World นั่นเอง

แม้จะมีการกล่าวกันว่าดีลราคาแพงระยิบระยับนี้จะทยอยต่ออายุสัญญาเพื่อทำกันหลายซีซัน แต่ตอนนี้ได้ลงเอยมาว่า พอดแคสต์อาร์เคอไทปส์เป็นจริงขึ้นมาเพียง 1 ชุดเท่านั้น ดังปรากฏว่าหลังจากที่พอดแคสต์อาร์เคอไทปส์ของดัชเชส ถูกนำเสนอบนสปอติฟายในเดือนสิงหาคม 2022 รวม 12 เอพพิโซด ก็ไม่ปรากฏข่าวคราวการผลิตซีซัน 2 เดลิเมลออนไลน์รายงาน พร้อมตั้งข้อสังเกตอย่างนั้น

เดอะซันรายงานอย่างละเอียดสำหรับเรื่องราวที่พอดแคสต์อาร์เคอไทปส์ของดัชเชสเมแกนแห่งซัสเซกซ์ถูกเท ชมได้ที่ https://www.thesun.co.uk/fabulous/22711989/meghan-markles-archetypes-spotify-podcast-cancelled/
หลังจากที่อาร์เคอไทปส์ได้รับการอวยด้วยรางวัลสุดยอดพอดแคสต์จากงาน People’s Choice Award เมื่อธันวาคม 2022 สัญญาณชี้บ่งชะตากรรมไม่สู้ดีในเชิงธุรกิจของพอดแคสต์โดยเมแกน มาร์เคิล เริ่มปรากฏชัดขึ้นในไตรมาสแรกของปีนี้ และในที่สุดคนวงในใกล้ชิดสปอติฟายได้ออกมาเปิดข้อมูลว่า คุณภาพมาตรฐานผลงานของดัชเชสและปรินซ์ ยังไม่ถึงเกณฑ์วัดผลิตภาพตามมาตรฐานของสปอติฟาย และจะทำให้ทั้งสองไม่ได้รับค่าตอบแทนเต็มอัตรา วอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงาน และระบุด้วยว่า

“ความเคลื่อนไหวเพื่อจะเทรายการพอดแคสต์ของดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ทิ้งลงท่อ มีขึ้นหลังจากที่การเตรียมประชุมหารือเมื่อหลายเดือนก่อน ว่าจะต่อสัญญาไปสู่ซีซันที่ 2 หรือไม่นั้น ถูกแขวนขึ้นหิ้ง


เดลิเมลออนไลน์รายงานด้วยว่าดัชเชสผู้มุ่งมั่น จะเดินหน้าผลิตพอดแคสต์ต่อ โดยจะหาบ้านหลังใหม่ให้อาร์เคอไทปส์ ที่เคยผลิตออกมา 12 เอพพิโซดในปี 2022 นับจากเดือนสิงหาคม ซึ่งมีการเชิญเซเลบคนดังอย่างนักเทนนิสและนักร้องชื่อเสียงโด่งดังคับโลก ได้แก่ เซเรนา วิลเลียมส์ กับ มารายห์ แคร์รีย์ มาร่วมสนทนา ทั้งนี้ มีการแถมประเด็นเมาท์มอยโจมตีพระราชวงศ์วินด์เซอร์แห่งสหราชอาณาจักรแบบปราศจากบรรยากาศร้อนแรงว่า พระโอรสอาร์ชีทรงเกือบตกอยู่ในอันตรายขณะที่พระบิดากับพระมารดาปฏิบัติพระกรณียกิจในประเทศแอฟริกาใต้

อย่างไรก็ตาม เอพพิโซดเหล่านี้ได้รับคอมเมนต์จากนักวิจารณ์ว่าน่าเบื่อและไม่ตื่นเต้นเร้าใจสมราคาคุย

ในการนี้ บริษัท WME ที่ได้ทำหน้าที่ตัวแทนของดัชเชสเมแกนและปรินซ์แฮร์รี ได้เปิดเผยกับวอลล์สตรีทเจอร์นัลว่า ทีมเบื้องหลังการผลิตรายการพอดแคสต์อาร์เคอไทปส์ยังภูมิใจในผลงานที่เคยผลิตไปเผยแพร่บนสปอติฟาย และในด้านของดัชเชสเมแกนก็ยังเดินหน้าที่จะพัฒนาคอนเทนต์ให้แก่ท่านผู้ชมผ่านแพลตฟอร์มอื่น

การลงดาบเฉือนรายการอาร์เคอไทปส์ อุบัติขึ้นมาหลังจากบรรดาแหล่งข่าวใกล้ชิดเจ้าชายแฮร์รีกับดัชเชสเมแกน ออกมากระซิบกับสื่อหลายค่ายว่า ทั้งสองพระองค์จะยุติการผลิตซีรีส์สารคดีเน็ตฟลิกซ์แนวแฉหมดเปลือก ขยี้ไม่ยั้ง อีกทั้งจะยุติการผลิตบันทึกความทรงจำ ตลอดจนจะเลิกเดินสายออกรายการทอล์กโชว์ที่กล่าวร้ายเล่นงานพระราชวงศ์อังกฤษ เพราะทั้งคู่ทรง “ไม่เหลือสิ่งใดให้เล่าอีกแล้ว” เดอะซันรายงานเมื่อเดือนที่แล้ว

เมื่อช่วงต้นปีนี้ เคยมีข่าวว่าสปอติฟายเตรียมจัดหารือเรื่องซีรีส์ 2 ของอาร์เคอไทปส์ แต่ในเวลาต่อมา สปอติฟายแขวนโปรเจ็กต์ไปแบบไม่มีกำหนด

อันที่จริง สปอติฟายก็อยู่ระหว่างปรับโครงสร้างองค์กร โดยมีการลอยแพพนักงานประมาณ 200 ตำแหน่ง หรือเกือบๆ 2% ของกำลังแรงงานในทีมพอดแคสต์ทั้งปวง พร้อมนี้ สปอติฟายยอมรับว่ามีปัญหาการสร้างผลกำไรจากธุรกิจพอดแคสต์ แม้ว่าสปอติฟายจะได้รับความนิยมจากท่านผู้ชม สูงกว่าผู้ให้บริการรายอื่นก็ตาม

พร้อมนี้ เดลิเมลออนไลน์รายงานด้วยว่ายังมีอีกหนึ่งโปรเจ็กต์ที่ดัชเชสของเจ้าชายแฮร์รีจะนำมาสร้างรายได้ คือ บล็อก เดอะติ๊ก ซึ่งเป็นบล็อกแนวไลฟ์สไตล์และความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งเมแกน มาร์เคิลจะเอาขึ้นไปแข่งกับเว็บไซต์ผลิตภัณฑ์ กูป Goop มูลค่า 200 ล้านดอลลาร์ ของซูเปอร์สตาร์กวินเนธ พัลโทรว์ ดาวค้างฟ้าแห่งแวดวงฮอลลีวู้ดผู้พัฒนาพลังจิตมาใช้ในชีวิตกับธุรกิจการงาน

ในวันแม่ของสหรัฐฯ ปีนี้ ณ 19 มีนาคม ดัชเชสเมแกนนำภาพถ่ายร่วมกับพระโอรสและพระธิดาขึ้นโพสต์บนโซเชียลมีเดีย เพื่ออวยพรวันแม่ และลงชื่อตนเองว่า เจ้าหญิงเมแกน Princess Meghan ซึ่งไม่ค่อยจะถูกต้อง ทั้งนี้ จุดเริ่มต้นของการเรียกตนเองว่า Princess นั้นอิงอยู่กับธรรมเนียมชาวอังกฤษและอเมริกันที่ภรรยาจะใช้ “คำนำหน้านาม” แบบเดียวกับสามี ในการนี้ คำนำหน้าพระนามของเจ้าชายแฮร์รีซึ่งได้รับตั้งแต่ทรงประสูติ คือ Prince Henry of Wales ดังนั้น ดัชเชสเมแกนมีสิทธิ์ที่จะเรียกตนเองว่า Princess ตามคำนำหน้าพระนามของพระสวามี แต่จะต้องเป็น Princess Henry of Wales (แบบเดียวกับพระญาติของเจ้าชายแฮร์รีทรงถูกเรียกว่า Princess Michael of Kent) หรือไม่เช่นนั้น ก็จะต้องเรียกเป็น Duchess Meghan, Princess of United Kingdom เพราะอิสริยยศที่เธอและเจ้าชายแฮร์รีได้รับพระราชทาน คือระดับ ดัชเชส  สิ่งนี้ต่างกับกรณีของเจ้าหญิงไดอานา กับเจ้าหญิงแคเทอริน เพราะความเป็นเจ้าหญิงที่ได้รับนั้น เป็นไปตาม “อิสริยยศ” Prince of Wales ที่พระสวามีทรงได้รับพระราชทาน มิใช่ความเป็นเจ้าหญิงตามคำนำหน้านามตั้งแต่กำเนิด ดิเอ็กซ์เพรสอธิบายไว้อย่างละเอียด  พร้อมนี้ ผู้สัดทัดกรณีบางค่ายวิเคราะห์ว่าดัชเชสเมแกนมีความทะเยอทะยาน ต้องการจะได้อิสริยยศเจ้าหญิง เท่าเทียมกับขณะที่เจ้าหญิงเคททรงได้รับอิสริยยศ Princess of Wales แต่ในความเป็นจริงนั้น ยศที่เมแกนได้รับ อยู่ในระดับเพียงดัชเชส  เธอจึงตีเนียน เขียนคำนำหน้าชื่อตนเองแบบแถมนิดแถมหน่อยว่า Princess Meghan พอได้ชื่นใจในวันแม่ไม่มากก็น้อย
ดีลสปอติฟายที่ถูกฉีก คือการย้ำถึงยุคเสื่อมของ “เมแกนแอนด์แฮร์รี”

ข่าวร้ายของสองเจ้านายแห่งซัสเซกซ์ที่เกิดขึ้นจากการถูกป๋าใหญ่อย่างสปอติฟายเทดีลพอดแคสต์ทิ้ง นอกจากจะทำให้รายได้ที่ควรจะเข้าสู่พระตำหนักมอนเตซิโตเกิดวิกฤตผิดแผนอย่างใหญ่หลวงแล้ว ยังเป็นการตอกย้ำว่าอาณาจักรของดัชเชสเมแกนแอนด์ปรินซ์แฮร์รีกำลังล่มสลาย เพราะบรรดาโครงการในอนาคตก็มีความเสี่ยงสูงที่จะล้มระเนนไปตามๆ กัน นักวิเคราะห์ทั้งหลายบอกเดอะซัน สื่อหัวสีจอมขยี้ข่าวในพระราชสำนัก

ด้านแอนเจลา เลวิน ผู้เชี่ยวชาญการพระราชวงศ์อังกฤษ เตือนตรงๆ ผ่านเดอะซันออนไลน์ว่า โครงการต่างๆ ในอนาคตของเจ้าชายแฮร์รีกับดัชเชสเมแกนจะประสบมหาวิบัติ

“คุณค่าของพระองค์ทั้งสองไม่ได้เฟื่องฟูดั่งที่เคยเป็นมา” แอนเจลา เลวิน กล่าวอย่างนั้นกับเดอะซัน

ดังเห็นได้ว่าตั้งแต่ปี 2022 จรดจนปัจจุบัน ความนิยมที่ท่านผู้ชมชาวอเมริกันมีต่อเจ้าชายแฮร์รีและดัชเชสเมแกน อยู่แนวโน้มขาลงเรื้อรัง โดยเสียงวิจารณ์ในทางไม่เห็นด้วยกับทั้งสองพระองค์ที่ปรากฏบนโซเชียลมีเดียนับวันแต่จะทวีตัว ขณะเดียวกันเสียงติเตียนที่ออกจากสื่อค่ายยักษ์ก็ทรงอิทธิพลต่อภาพลักษณ์ด้านลบของเซเลบคนดังของโลกคู่นี้

ยิ่งเมื่อปรากฏข่าวในปีนี้ว่าเจ้าชายแฮร์รีจะไม่สามารถครอบครองพระตำหนักฟร็อกมอร์แบบที่ปล่อยปละให้ทิ้งร้างได้อีกต่อไปแล้ว มู้ดในกระแสหลักของคนอเมริกันมองว่าพระองค์และพระชายาทรงตกกระป๋อง และในไม่ช้าก็อาจจะถูกขับให้พ้นออกจากพระอิสริยยศ กลายเป็นนายและนางแฮร์รี เมาท์แบตเทน วินด์เซอร์ นั่นย่อมหมายถึงว่าคุณค่าและราคาของพระองค์ตกต่ำ ขาดไร้หัวโขนเจ้าชาย และหมดความน่าสนใจ

ในยุคเรืองรองของดัชเชสเมแกน แม่ม่ายหย่าร้างจากสหรัฐอเมริกาได้รับเกียรติยศอย่างมหาศาล ได้ตามเสด็จเจ้าชายแฮร์รี ไปเยือนประเทศต่างๆ ในฐานะผู้แทนพระองค์สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และได้รับการต้อนรับโดยประมุขของประเทศที่ไปเยือน ในภาพนี้ ที่บันทึกไว้ในปี 2019 เป็นการตามเสด็จพระสวามีในการเสด็จเยือนประเทศโมร็อกโก มีเอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศโมร็อกโกติดตามอย่างสมพระเกียรติผู้แทนพระองค์ ทั้งนี้เมื่อเกือบยี่สิบปีก่อนหน้านั้น ซึ่งดัชเชสยังเป็นมิสเมแกน มาร์เคิล เธอเคยใช้ความพยายามที่จะสมัครเข้าทำงานในกระทรวงการต่างประเทศ สหรัฐฯ แต่ไม่สำเร็จเพราะคะแนนการสอบข้อเขียนต่ำกว่าเกณฑ์

หลังพระราชพิธีเสกสมรสระหว่างเจ้าชายแฮร์รีกับนางเมแกน มาร์เคิล ในปี 2018 เสร็จสมบูรณ์ สถานภาพของนางเมแกน มาร์เคิล เปลี่ยนแปลงขึ้นเป็นดัชเชสเมแกนด้วยอานิสงส์บารมีของพระสวามีผู้เป็นหนุ่มรุ่นน้อง อ่อนวัยกว่ากัน 3 ปี  แต่เพียงไม่นาน สถานภาพแห่งเกียรติยศของดัชเชสเมแกนก็ถดถอยลงอย่างต่อเนื่อง โดยเธอและพระสวามีเลือกที่จะลาออกจากความเป็นสมาชิกแห่งพระราชวงศ์ และสูญเสียสถานภาพแห่งพระองค์เจ้า Her Royal Highness  และด้วยการหมั่นเล่นงานโจมตีพระราชตระกูลเป็นระยะๆ บัดนี้ พระตำหนักฟร็อกมอร์ที่เคยได้ครอบครอง ก็ถูกเรียกคืน ยิ่งกว่านั้นยังถูกกระแสสังคมกดดันให้เธอและพระสวามีถูกถอดถอนคำนำหน้าชื่อว่าเจ้าชาย ตลอดจนอิสริยยศดัชเชสและดยุก ด้วยเหตุนี้ ผู้เชี่ยวชาญการพระราชวงศ์พากันฟันธงว่าเจ้าชายแฮร์รีกับดัชเชสเมแกนเข้าสู่ยุคเสื่อมอย่างที่สุดแล้ว ในภาพนี้ เจ้าชายแฮร์รีกับดัชเชสเมแกนเสด็จเข้าร่วมพระราชพิธีฉลองการครองสิริราชสมบัติครบรอบ 70 ปีของสมเด็จพระอัยยิกาเจ้าในเดือนมิถุนายน 2022 โดยต้องประทับ ณ พระเก้าอี้แห่งสถานภาพแถวที่สอง ขณะที่พระญาติที่เคยประทับนั่งด้านหลังพระองค์ ก็ได้เลื่อนขึ้นไปยังพระเก้าอี้แถวหน้าสุด  ใช่แต่เท่านั้น ยังเสื่อมพระเกียรติถึงกับว่า ทรงถูกพสกนิกรจำนวนหนึ่งร่วมใจกับโห่ไล่อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับสมาชิกพระราชวงศ์ ทั้งที่ว่าในช่วงที่เจ้าชายแฮร์รียังไม่ได้เสกสมรสนั้น ทรงเป็นที่รักของพสกนิกรซึ่งนิยมชมชอบที่พระองค์ทรงติดดินและมีพระอารมณ์ดี
นับจากปี 2020 ที่ทรงลาออกจากการทรงงานสนองพระเดชพระคุณสมเด็จพระอัยยิกาเจ้า ควีนเอลิซาเบธที่ 2 และย้ายถิ่นฐานไปปักหลักในแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา บ้านเกิดและแวดวงสังคมของดัชเชสเมแกนอดีตแม่ม่ายหย่าร้างชาวอเมริกัน และดินแดนแห่งความสุขพระทัยของเจ้าชายแฮร์รี นั้น ทั้งสองพระองค์คว้าสัญญาธุรกิจมูลค่าหลายสิบล้านจากบริษัทใหญ่ยักษ์ทั้งปวงมาได้เป็นจำนวนมาก โดยทรงถูกคาดหวังว่าจะนำเรื่องราวอัปยศของพระบิดาชาร์ลส์ พระมารดาไดอานา พระมารดาเลี้ยงคามิลลา ฯลฯ มาสร้างความบันเทิงแก่ท่านผู้ชม

นอกจากดีลมูลค่า 20-25 ล้านดอลลาร์ ที่เด็ดมาจากสปอติฟาย ยังมีดีล 20 ล้านดอลลาร์ที่ได้เซ็นชื่อกับสำนักพิมพ์เพนกวินเฮาส์ และกลายมาเป็นหนังสืออัปยศเรื่อง SPARE ซึ่งเจ้าชายแฮร์รีทรงโทษว่าการที่พระองค์ทำพฤติกรรมแย่ๆ เป็นความผิดของผู้อื่น

อีกทั้งยังมีดีล 100 ล้านดอลลาร์กับค่ายเน็ตฟลิกซ์ ภาพยนตร์สารคดีเรื่อง แฮร์รีกับเมแกน ที่ถูกวิจารณ์ว่าว่า “น่าเบื่อ” และมุ่งแต่จะทำเงินโกยรายได้จากความขัดแย้งกับพระราชวงศ์อังกฤษ

โดย รัศมี มีเรื่องเล่า

(ที่มา: วอลล์สตรีทเจอร์นัล เดลิเมลออนไลน์ เดอะซัน ฮอลลีวู้ดรีพอร์ตเตอร์ ดิเอ็กซ์เพรส)



กำลังโหลดความคิดเห็น