“จุรินทร์”เปิดการประชุมนักธุรกิจชาวจีนโลก กว่า 4,000 คน มี “สุรยุทธ์” ประธานองคมนตรี “ณรงค์ศักดิ์” ประธานหอการค้าไทย-จีน “ธนินท์” นายกสมาคมนักธุรกิจชาวจีนโพ้นทะเล เข้าร่วม ย้ำเป็นเวทีแลกเปลี่ยนโอกาสทางธุรกิจ การค้า การลงทุน เชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างกัน ชวนจีนเข้ามาลงทุนในไทย ใช้ประโยชน์จาก FTA ที่จะมีเพิ่มขึ้นเป็น 20 ฉบับกับ 53 ประเทศ ในอนาคตอันใกล้
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการประชุมนักธุรกิจชาวจีนโลก (World Chinese Entrepreneurs Convention - WCEC) ครั้งที่ 16 พร้อมด้วยพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี นายเกา หยุนหลง รองประธานสภาที่ปรึกษาการเมืองแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานหอการค้าไทย-จีน นายธนินท์ เจียรวนนท์ นายกสมาคมนักธุรกิจชาวจีนโพ้นทะเลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 24-26 มิ.ย.2566 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ว่า นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ตนมาเปิดการประชุมในวันนี้ ซึ่งช่วงเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ตนได้รับเชิญจากหอการค้าไทย-จีน เป็นประธานแถลงข่าวการจัดงานมาแล้ว วันนี้มีผู้เข้าร่วมกว่า 4,000 คน จาก 50 ประเทศทั่วโลก การประชุมนักธุรกิจชาวจีนโลก มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักธุรกิจชาวจีนและนักธุรกิจชาวจีนโพ้นทะเลจากทั่วโลก ที่ใช้เวทีนี้เป็นโอกาสสำคัญในการพบปะแลกเปลี่ยนข้อมูลและโอกาสทางธุรกิจ การค้า การลงทุน เชื่อมโยงเครือข่ายระหว่างกัน นักธุรกิจเชื้อสายจีนและนักธุรกิจชาวจีนโพ้นทะเล ยังมีบทบาทเสมือนสะพานเชื่อมสำคัญระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนกับภาคธุรกิจเอกชนในนานาประเทศ
ปัจจุบันต้องถือว่าจีนก้าวมาเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลก เป็นตลาดขนาดใหญ่ เป็นผู้ส่งออกสินค้าอันดับ 1 และเป็นผู้นำเข้าสินค้าอันดับ 2 ของโลก ทำให้เศรษฐกิจจีนมีความต่อเศรษฐกิจโลกและประเทศต่าง ๆ เป็นอย่างมาก ซึ่งตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลไทยให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการส่งเสริมและเร่งกระชับความสัมพันธ์ทางการค้า การลงทุน กับจีนในหลายมิติ ทั้งขับเคลื่อน FTA อาเซียน-จีน และผ่านความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) มีสมาชิก 15 ประเทศ มีไทยกับจีนอยู่ในนั้นด้วย
ทั้งนี้ ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ได้เร่งรัดขยายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจการค้าให้ลงลึกสู่ระดับมณฑลหรือระดับเมืองของประเทศคู่ค้า ที่เรียกว่า mini FTA ปัจจุบันได้ลงนามกับประเทศคู่ค้าแล้วจำนวนทั้งสิ้น 7 ฉบับ มี 3 ฉบับลงนามกับจีน ประกอบด้วย 1.มณฑลไห่หนาน 2.มณฑลการซู่ และ 3.เมืองเซินเจิ้น และในเดือน ส.ค.2566 จะลงนามเพิ่มกับมณฑลยูนนานของจีน และอีก 4 ฉบับ ทำกับเมืองโคฟุ ประเทศญี่ปุ่น เมืองปูซานและจังหวัดคยองกี ของเกาหลีใต้ และรัฐเตลังคานา ของอินเดีย
นอกจากนี้ ไทยกำลังเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) กับอีกหลายประเทศ ซึ่งกำลังจะสำเร็จ คาดว่าไม่เกิน 1-2 ปีนี้ กับสหภาพยุโรป 27 ประเทศ กับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ปากีสถาน ศรีลังกา กลุ่มเอฟตา 4 ประเทศ (สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และลิกเตนสไตน์) รวมทั้งกับตุรกี ถ้าสำเร็จจะส่งผลให้ไทยมี FTA กับต่างประเทศรวม 20 ฉบับ กับ 53 ประเทศทั่วโลก
“ถ้าท่านมาทำการค้ากับประเทศไทย ไม่ว่าส่งออก นำเข้า รวมทั้งมาลงทุน จะได้รับสิทธิพิเศษทางการค้าและการลงทุนจาก FTA ที่ไทย ทำ 20 ฉบับ กับ 53 ประเทศในอนาคตอันใกล้ด้วย ส่งผลให้การจัดอันดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยโดย IMD (International Institute for Management Development) ล่าสุดในปีนี้เทียบกับปีที่แล้ว ด้านสมรรถนะทางเศรษฐกิจของประเทศไทยลำดับดีขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ เช่น การค้าระหว่างประเทศจากลำดับที่ 37 มาอยู่ที่ลำดับ 29 ดีขึ้น 8 ลำดับ โดยมีจีนเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งติดต่อกันถึง 11 ปี ตั้งแต่ปี 2013 และด้านการลงทุนระหว่างประเทศเลื่อนลำดับไทยให้สูงขึ้นถึง 11 ลำดับ จากลำดับที่ 33 เป็นลำดับที่ 22 โดยปี 2022 นักลงทุนชาวจีนมาขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากรัฐบาลไทยสูงถึงเป็นลำดับหนึ่งของโลก และรัฐบาลไทยยังมุ่งขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาสำคัญที่สอดคล้องกับจีน ทั้งการเปิดกว้างทางการค้า การลงทุน การเชื่อมโยงเศรษฐกิจเชิงนวัตกรรมสู่ความยั่งยืน ตลอดจนการขยายความร่วมมือในมิติต่าง ๆ สอดคล้องกับข้อริเริ่ม Belt and Road ที่จีนได้ประกาศไว้ตั้งแต่ปี 2013”นายจุรินทร์กล่าว
นายจุรินทร์กล่าวสรุปว่า การประชุมนักธุรกิจชาวจีนโลกครั้งที่ 16 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพในปีนี้ เชื่อมั่นว่าจะเป็นโอกาสและเวลาที่เหมาะสมที่จะเปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมประชุมทราบพัฒนาการทางเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงทางการค้า การลงทุนในปัจจุบัน และยังเป็นโอกาสดีที่ประเทศไทยแสดงศักยภาพการเป็นเจ้าบ้านที่ดี การร่วมกันทำงานอย่างใกล้ชิดกับนักธุรกิจชาวจีนรวมทั้งการต้อนรับผู้เข้าร่วมประชุมและครอบครัวอย่างอบอุ่น ตามมิติความสัมพันธ์ที่เราได้ยินตลอดมาว่า ไทยจีนใช่อื่นไกล พี่น้องกัน เพื่อให้เกิดความแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในความสัมพันธ์ การประชุมนี้ นอกจากเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและทัศนคติจากนักธุรกิจชั้นนำจากทั่วโลกแล้ว ประเทศไทยได้จัดโปรแกรมสันทนาการให้ผู้เข้าร่วมประชุม ทั้งการศึกษาดูงาน ศึกษาลู่ทางทางธุรกิจ และการเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ เป็นโอกาสดีที่จะทำให้ผู้เข้าร่วมประชุมเห็นพัฒนาการและศักยภาพของประเทศไทยว่ามีความเจริญก้าวหน้าไปอย่างไร ประเทศไทยยินดีต้อนรับทุก ๆ ท่าน รวมทั้งครอบครัวที่เดินทางมายังประเทศไทย ขอขอบคุณและขอให้มีความสุขตลอดเวลาที่อยู่ในประเทศไทยในการประชุมครั้งนี้