ไออาร์พีซีชี้ปีนี้รายได้ไม่โต แต่มีปริมาณการกลั่นที่สูงขึ้น และรับรู้รายได้จาก "อินโนโพลีเมด" เต็มปี มั่นใจไตรมาส 2/66 การขาดทุนสต๊อกน้ำมันไม่รุนแรงเหมือนไตรมาสก่อน หลังปรับลดสินค้าคงคลังลง
นางสาวสมฤดี เจริญครองสกุล ผู้จัดการส่วนนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เปิดเผยว่า ในปี 2566 บริษัทคาดว่ามีรายได้ต่ำกว่าปีก่อน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยปีที่แล้วสูงเกือบ 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทำให้ราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตรเคมีมีราคาสูงตามไปด้วย แต่ปีนี้ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยลดลงมาอยู่ที่เฉลี่ย 80-90 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซี่งมีผลต่อกำไร (ขาดทุน) จากสต๊อกน้ำมัน
อย่างไรก็ตาม ในปีนี้โรงกลั่นน้ำมันไออาร์พีซีมีปริมาณการกลั่นที่เพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อน โดยปี 2566 คาดว่ามีกำลังการกลั่นเฉลี่ยไม่เกิน 2 แสนบาร์เรล/วัน จากปี 2565 ที่มีกำลังการกลั่นเฉลี่ย 1.7 แสนบาร์เรล/วัน เนื่องจากไตรมาส 4 ปี 2565 ได้ปิดซ่อมใหญ่โรงกลั่นน้ำมัน โดยไตรมาส 1/2566 โรงกลั่นน้ำมันไออาร์พีซีมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 1.96 แสนบาร์เรล/วัน
นางสาวสมฤดีกล่าวต่อไปว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/2566 บริษัทคาดว่าทิศทางราคา Crude premium จะยังปรับลดลงต่อเนื่องจากไตรมาส 1/2566 ที่ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากปี 2565 เคยอยู่ที่ระดับ 9 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทำให้ต้นทุนการกลั่นลดลง ส่วนปิโตรเคมี แม้จะมีทิศทางราคาฟื้นตัวแต่ยังเป็นลักษณะทยอยปรับตัวดีขึ้น เช่น สเปรดเม็ดพลาสติก PP ได้ปรับขึ้นจาก 400 เหรียญสหรัฐ/ตัน เป็น 450 เหรียญสหรัฐ/ตัน แต่ค่าการกลั่นของน้ำมันดีเซลปรับลดลงในไตรมาส 2 นี้เมื่อเทียบไตรมาสก่อน
ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบที่ลดลงมาอยู่ในระดับใกล้ 80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เป็นระดับใกล้เคียงกับในไตรมาสก่อนทำให้ไตรมาส 2 นี้ไม่น่าจะขาดทุนสต๊อกน้ำมันรุนแรงเหมือนไตรมาส 1/2566 ที่ขาดทุนสต๊อกน้ำมันราว 2.90 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
นอกจากนี้ บริษัทได้ปรับลดการสต๊อกสินค้าให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อรับมือกับราคาปิโตรเคมีที่ผันผวน และป้องกันการขาดทุนจากการสต๊อกน้ำมันมากเกินไป ซึ่งล่าสุดสามารถปรับลดน้ำมันคงคลังจากเดิม 10 ล้านบาร์เรลลงเหลือ 8 ล้านบาร์เรล
รวมทั้งในปีนี้บริษัทจะรับรู้รายได้จากการลงทุนในบริษัทร่วมทุนคือ บริษัท อินโนโพลีเมด ที่ผลิตผ้าไม่ถักไม่ทอ (Non-woven Fabric) และวัสดุสิ้นเปลืองทางการแพทย์ (Medical Consumables) หลังจากเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์เมื่อกลางปีที่แล้ว และในส่วนของธุรกิจยานยนต์ เช่น ตัว IRPC A&L ที่ขายเม็ดพลาสติกให้กับอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ให้กับทางญี่ปุ่น ก็มีแผนขยายตลาดไปสู่ตลาดยานยนต์ไฟฟ้า(อีวี) ของจีนด้วย
