หอการค้าไทยเผยผลสำรวจการใช้จ่ายของประชาชนช่วงสงกรานต์ปีนี้ คาดเงินสะพัด 1.25 แสนล้านบาท เพิ่ม 17.3% ส่วนใหญ่ออกเดินทางท่องเที่ยวทั้งใน และต่างประเทศ ระบุกังวลโควิด-19 และฝุ่น PM 2.5 “ธนวรรธน์” ชี้หากรวมเงินสะพัดเลือกตั้งดันจีดีพีปีนี้โตได้ 3-4%
รศ.ดร.เสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ ที่ปรึกษาประจำสภามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2566 จากกลุ่มตัวอย่าง 1,350 คน พบว่า ส่วนใหญ่ 72% มีแผนเดินทางไปท่องเที่ยวและกลับภูมิลำเนา ซึ่งแผนการท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไปเช้าเย็นกลับด้วยรถยนต์ส่วนตัว จังหวัดที่ได้รับความสนใจมากที่สุด คือ ชลบุรี, เพชรบุรี, ประจวบคีรีขันธ์ และระยอง โดยเตรียมเงินท่องเที่ยวภายในประเทศไว้เฉลี่ยคนละ 7,091 บาท ส่วนกลุ่มที่มีแผนเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ เตรียมเงินไว้เฉลี่ยคนละ 54,681 บาท
ทั้งนี้ ในช่วงการท่องเที่ยว ประชาชนส่วนใหญ่มีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 และฝุ่น PM 2.5 แต่ก็มีผลให้ยกเลิกการท่องเที่ยวเพียง 10% เท่านั้น ส่วนใหญ่ 50-55% ยังคงท่องเที่ยวต่อ เพียงแต่ปรับเปลี่ยนแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล และภาคกลางมากขึ้น
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ กล่าว สงกรานต์ปีนี้คาดว่าจะคึกคักเป็นอย่างมาก คนมีแนวโน้มจะใช้จ่ายมากขึ้น แต่ก็จะใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง โดยส่วนใหญ่มีแผนเดินทางท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้ยอดเงินสะพัดช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้มีมูลค่ากว่า 125,203 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.3% จากปี 2565 ที่มีมูลค่า 106,772 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นมาประมาณ 20,000 ล้านบาท
สำหรับการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้น คาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจประมาณ 1-1.2 แสนล้านบาท ซึ่งหากรวมเงินใช้จ่ายช่วงเทศกาลสงกรานต์ และการเลือกตั้ง จะทำให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้ขยายตัว 3-4% ได้