สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลงนามความร่วมมือกับ ม.หอการค้าไทย ร่วมยกระดับความร่วมมือ กระชับความสัมพันธ์ทางด้านวิชาการขยายโอกาสทางการศึกษาให้กับกำลังพล
เมื่อวันที่ 16 มี.ค. เวลา 10.00 น. ณ ห้องสารสิน ชั้น 2 อาคาร 1 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจความร่วมมือด้านวิชาการ การจัดการศึกษาสำหรับข้าราชการตำรวจ ด้านทรัพยากร การฝึกอบรมและป้องกันอาชญากรรมไซเบอร์ ระหว่าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กับ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย โดยมี รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ร่วมลงนามทำ MOU กับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยในพิธีลงนามดังกล่าวมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. / พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้ช่วย ผบ.ตร. / พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. / พล.ต.ท.ยิ่งยศ เทพจำนง ผบช.สกพ. / พล.ต.ท.นัยวัฒน์ ผะเดิมชิต ผบช.สยศ.ตร./ และ พล.ต.ต.กานตพงศ์ ชัยรุ่งเรือง รอง ผบช.ศ. / พร้อมด้วยคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้แก่ ผศ.ลักขณา เศาธยะนันท์ รองอธิการบดีอาวุโสสายงานบริหาร / รศ.ดร.สถาพร อมรสวัสดิ์วัฒนา รองอธิการบดีอาวุโสสายงานวิชาการและงานวิจัย / อาจารย์ สมพงษ์ แก้วเจริญไพศาล รองอธิการบดีฝ่ายยุทธศาสตร์และกิจการพิเศษ / ผศ.กนกกาญจน์ บัญชาบุษบง ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายสื่อสารการตลาดอาจารย์ ดร.ชัชชัย หวังวิวัฒนา ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ / ผศ.ดร.ณัฐริกา แชน คณบดีคณะนิติศาสตร์ / รศ.ดร.พนารัช ปรีดากรณ์ รก.คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ / ผศ.ดร.อิทธิพงษ์ เขมะเพชร คณบดีคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และ รศ.ดร.เสาวลักษม์ กิตติประภัสร์ ผอ.หลักสูตรปรัชญาดุษฏีบัณฑิตสาขาเศรษฐศาสตร์ธุรกิจ ร่วมพิธี
โดย ผบ.ตร. ได้กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างกันในครั้งนี้ จะเป็นการยกระดับความร่วมมือกระชับความสัมพันธ์ทางด้านวิชาการ ขยายโอกาสทางการศึกษาให้กับกำลังพลครอบคลุมทุกหน่วยงานในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติโดยเฉพาะอย่างยิ่งในหลักสูตรด้านนิติศาสตร์หรือในสาขาวิชาอื่น ๆ ที่จะได้พัฒนาร่วมกันให้ตรงกับความจำเป็นหรือความต้องการพัฒนาข้าราชการตำรวจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตลอดจนการพัฒนาหลักสูตรเฉพาะเพื่อสนับสนุนนโยบายและยุทธศาสตร์ที่สำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยความร่วมมือระหว่างกันนี้ ม.หอการค้าไทยจะสนับสนุนทุนการศึกษาด้วยการยกเว้นค่าเล่าเรียนส่วนใหญ่ให้กับข้าราชการตำรวจและผู้เรียนชำระเองอีกบางส่วนเท่านั้น และมีการจัดรูปแบบการเรียนการสอนที่จัดเป็นห้องเรียนโครงการตำรวจเพื่อรองรับการปฏิบัติงานและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกัน รวมถึงมีการจัดทำหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับนโยบายการปฏิบัติงานที่สำคัญและอาชญากรรมที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนคือหลักสูตรเกี่ยวกับการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (Cyber Vaccine) เพื่อสร้างให้ผู้อบรมเป็นอาจารย์ต้นแบบ โดยการอบรมจะมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายรุ่นแรกคือ ข้าราชการตำรวจ อาจารย์และนักวิชาการ และจะพัฒนากลุ่มเป้าหมายให้ขยายออกไปเพื่อขยายวงความรู้ไปยังประชาชนให้ทั่วถึงมากที่สุด
ทั้งนี้ รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี ม.หอการค้าไทย กล่าวว่า ม.หอการค้าไทย เป็นสถาบันอุดมศึกษาที่เป็นหน่วยงานที่ขึ้นกับ หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของชาติ และได้มีการดำเนินงานโดยมีความรับผิดชอบต่อเศรษฐกิจ สังคมและประเทศชาติตลอดมา การได้ทำ MOU กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดังกล่าว เป็นการสนับสนุนการขยายโอกาสทางการศึกษาให้กับข้าราชการตำรวจเพิ่มมากขึ้น โดยมีโครงการจัดการศึกษาสำหรับข้าราชการตำรวจในหลักสูตรนิติศาสตร์บัณฑิต ที่ปัจจุบันมีข้าราชการตำรวจในสังกัด บช.น.และหน่วยใกล้เคียงในพื้นที่ มาศึกษาต่อที่ ม.หอการค้าไทย เป็นจำนวนมาก โดย ม.หอการค้าไทย ได้จัดการเรียนการสอนเป็นโครงการจัดการศึกษาสำหรับตำรวจโดยเฉพาะ มีการมอบทุนการศึกษาโดยวิธียกเว้นค่าเล่าเรียนส่วนใหญ่ให้กับตำรวจที่เรียนและที่เหลือชำระเองบางส่วนในรูปแบบการผ่อนชำระรายเดือนได้ ไม่เป็นภาระค่าครองชีพสำหรับข้าราชการตำรวจ ในแต่ละปีการศึกษา ได้มอบทุนการศึกษาดังกล่าว ปีการศึกษาละไม่ต่ำกว่า 500 ทุน – 800 ทุนต่อปี และการทำ MOU นี้สามารถขยายจำนวนทุนการศึกษาที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นให้สอดคล้องกับความต้องการพัฒนากำลังพลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ และมหาวิทยาลัย ได้สนับสนุนแนวทางการพัฒนาการศึกษาให้ครอบคลุมบริบทของความเป็นสถาบันการศึกษาชั้นนำด้านธุรกิจและด้านเศรษฐกิจ โดยได้พัฒนาต่อยอดโครงการในการรองรับความต้องการศึกษาต่อในระดับปริญญาโทหรือระดับบัณฑิตศึกษา อาทิ ด้านนิติศาสตร์มหาบัณฑิต หรือ ในสาขาการบริหาร สาขาเศรษฐศาสตร์ สาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาวิศวกรรมศาสตร์ สาขาการเงิน สาขาการบัญชี หรือ สาขาอื่น ๆ ตามความต้องการที่จะได้พัฒนาหลักสูตรร่วมกัน รวมทั้งการวิจัยและการพัฒนาร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อนำความรู้และประสบการณ์ไปพัฒนาเพิ่มพูนให้กับข้าราชการตำรวจ ขณะเดียวกันช่วยเสริมสร้างภาคีเครือข่ายภาคประชาสังคมและภาคประชาชน ในการร่วมคิด ร่วมทำให้เกิดคุณค่าแก่สังคมและประเทศชาติอีกทางหนึ่งด้วย
นอกจากนี้ การทำ MOU ได้มีการพัฒนาความร่วมมือร่วมกันกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการฝึกอบรมในหลักสูตรด้านการป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันวัคซีนไซเบอร์ โดยมีการเชิญ ข้าราชการตำรวจระดับสูง ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มาจัดการด้านการฝึกอบรมการป้องกันอาชญากรรมไซเบอร์ให้กับ คณาจารย์และพนักงาน รวมถึง นักศึกษา มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยให้มีความรู้และมีประสบการณ์ตรงต่อแนวทางการป้องกันอาชญากรรมทางไซเบอร์และสามารถมีทักษะเป็นภาคีเครือข่ายในการป้องกันปัญหาอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้นในสังคมไทยได้ จะส่งผลต่อการพัฒนาที่ยั่งยืนที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนโดยทั่วไปด้วย และความร่วมมือดังกล่าวจะขยายผลไปยังกลุ่มเป้าหมายที่สำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในชาติ อาทิ ภาคธุรกิจ เจ้าของกิจการ ผู้ประกอบการต่างๆ ในภาคเอกชน เพื่อเสริมสร้างพลังทวีคูณและภาคีเครือข่าย ที่เข้มแข็งให้กับสังคมไทยต่อไป