นายตติยะ ชื่นตระกูล รองผู้อำนวยการ GISTDA เป็นประธานในพิธีรับมอบดาวเทียม Thai Universe - 1 หรือ TU-1 จาก พล.อ.ท.ฐากูร นาครทรรพ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีการบินและอวกาศกองทัพอากาศ หรือ ศวอ.ทอ. ณ อุทยานรังสรรค์นวัตกรรมอวกาศ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี
น.อ.รณชิต วิจิตร ผู้อำนวยการกองกิจการอวกาศ ศูนย์วิจัยพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีการบินและอวกาศกองทัพอากาศ กล่าวว่า ทุกกระบวนการตั้งแต่การสร้างดาวเทียม TU-1 โดยเบื้องต้นเรามีแนวคิดที่จะสร้างดาวเทียมขนาดเล็กที่ผ่านการทดสอบประสิทธิภาพของดาวเทียมในสภาวะสุญญากาศ เพื่อยกระดับมาตรฐานสากลของการสร้างดาวเทียมของคนไทยดวงต่อไปในอนาคตไปจนถึงการส่งขึ้นสู่ห้วงอวกาศเข้าสู่วงโคจรได้จริง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้เทคโนโลยีในกิจการด้านอวกาศที่เกี่ยวกับการสร้างดาวเทียมที่ทำขึ้นเองภายในประเทศ ตลอดจนส่งเสริมให้คนไทยเข้าถึงเทคโนโลยีอวกาศได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ ในขั้นตอนการทดสอบในเรื่องของระบบต่างๆ ของดาวเทียมต้องอาศัยความร่วมมือจาก GISTDA เพื่อให้การพัฒนาดาวเทียมดวงต่อๆ ไปมีคุณภาพที่ดียิ่งขึ้น ตลอดจนนำไปสู่การเผยแพร่องค์ความรู้ทั้งหมดนี้ หากการทดสอบดาวเทียม TU-1 ผ่านไปได้ด้วยดี นั่นจะเป็นพื้นฐานของการสร้าง Flight Model ตามลำดับ โดยคาดว่าอีกประมาณ 2-3 ปีจะสามารถส่งขึ้นสู่ห้วงอวกาศเข้าสู่วงโคจรได้
ดร.ณัฐวัฒน์ หงส์กาญจนกุล โฆษก GISTDA และผู้อำนวยการสำนักพัฒนาเทคโนโลยีกิจการอวกาศ กล่าวว่า การทดสอบครั้งนี้เป็นการนำดาวเทียมจากหน่วยงานภาครัฐเข้าทดสอบที่ AIT เป็นครั้งแรก โดยดาวเทียม TU-1 ถือเป็นดาวเทียม CubeSat แบบ Engineering Model ประเภทสำรวจสภาพอวกาศที่มีน้ำหนักประมาณ 0.5 กิโลกรัม ซึ่งออกแบบและผลิตโดยทีมนักวิจัย
ของศูนย์วิจัยและพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีการบินและอวกาศกองทัพอากาศ หรือ ศวอ.ทอ.
"ในด้านกระบวนการทดสอบดาวเทียมดวงนี้จะประกอบไปด้วย 2 ส่วนหลักๆ คือ การทดสอบการสั่นสะเทือน หรือ Vibration testing และการทดสอบการทำงานของดาวเทียมในสภาวะร้อนและเย็น หรือ Thermal Cycling test ซึ่งจะเป็นการจำลองสภาวะแวดล้อมที่ดาวเทียมต้องเผชิญเมื่อถูกนำส่งขึ้นไปในอวกาศ เพื่อให้มั่นใจว่าดาวเทียมจะสามารถทำงานในอวกาศได้ตามที่ออกแบบไว้อย่างมีประสิทธิภาพ ก่อนจะถูกนำไปใช้งานตามภารกิจของ ศวอ.ทอ.ต่อไป สำหรับการทดสอบดาวเทียมดวงนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จช่วงปลายเดือนมีนาคม 2566" โฆษก GISTDA กล่าว