GPSC ผนึกกำลังร่วมกับ ปตท.และ ปตท.สผ.เล็งประมูลโครงการ Gas to Power ในเวียดนามกว่า 1,000 เมกะวัตต์ พร้อมลุยขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มทั้งในและต่างประเทศ จับตาลงทุนในสหรัฐฯ เร็วๆ นี้
นางรสยา เธียรวรรณ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่พัฒนาธุรกิจ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC เปิดเผยว่า GPSC จะร่วมมือกับบริษัทแม่ คือ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTTและบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. (PTTEP) เพื่อร่วมยื่นประมูลแข่งขันโครงการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ (Gas to Power) ในประเทศเวียดนาม ขนาดกำลังการผลิตกว่า 1 กิกะวัตต์ (GW) หรือกว่า 1,000 เมกะวัตต์ (MW) เพื่อจ่ายไฟฟ้ารองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจของเวียดนาม
“ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าร่วม bidding 1 โครงการ โดยรอความชัดเจนแผนพัฒนาพลังงานกำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศเวียดนามด้วย หากชนะการประมูลคาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนรวมหลักหลายหมื่นล้านบาท เพราะเป็นโครงการขนาดใหญ่ เป็นการก่อสร้างใหม่ ต้องมีการสร้างคลังรับ-จ่าย LNG ป้อนเข้าสู่โรงไฟฟ้าก๊าซ”
ส่วนของการลงทุนผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในเวียดนามบริษัทก็ยังสนใจ จากก่อนหน้านี้เคยทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุน และปัจจุบันก็มีผู้มาเสนอขายโครงการหลายราย แต่ยังไม่ตัดสินใจเข้าลงทุน เนื่องจากต้องพิจารณาหลายปัจจัย โดยเฉพาะความชัดเจนจากแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของเวียดนาม
นอกจากนี้ บริษัทฯ สนใจที่จะเข้าไปลงทุนในสหรัฐฯ ในเบื้องต้นยังไม่ใช่การลงทุนธุรกิจไฟฟ้า ขณะเดียวกัน บริษัทก็มีการศึกษาเทคโนโลยีไฮโดรเจนหลายพื้นที่ในสหรัฐฯ ด้วย แต่จะเป็นรูปแบบกรีนไฮโดรเจน เพื่อหวังนำไปสู่การลดต้นทุนให้พลังงานหมุนเวียน
เช่นเดียวกับไต้หวันที่มีโอกาสเพิ่มกำลังการผลิตไปร่วมกับพันธมิตรเดิมเพื่อขยายการเติบโตร่วมกัน หลังจากพันธมิตรชนะประมูลหลายโครงการ ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจารายละเอียดและมีโอกาสเข้าลงทุนกับพันธมิตรใหม่ด้วย
นางรสยากล่าวอีกว่า ในปีนี้บริษัทจะมุ่งเน้นขยายการลงทุนธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในประเทศไทย ตามโจทย์ทของ ปตท.ที่ต้องการสนับสนุนให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2608 ซึ่งกลุ่ม ปตท.ได้ตั้งเป้าหมายจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 20 กิกะวัตต์ (GW) ภายในปี 2573 แบ่งเป็น พลังงานที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล (Conventional) อยู่ที่ 8 GW จากปัจจุบัน อยู่ที่ 5 GW และพลังงานหมุนเวียน (Renewable) อยู่ที่ 12 GW จากปัจจุบันอยู่ที่ 2 GW ซึ่งการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าประเภท Conventional จะมุ่งเน้นไปที่เชื้อเพลิงก๊าซฯ เช่น โครงการ Gas to Power ที่มีแผนจะเข้าลงทุนในเวียดนาม ไต้หวัน และเมียนมา โดยตั้งเป้าหมายจะเพิ่มกำลังการผลิตอีกราว 5 GW เพื่อมาทดแทนกำลังการผลิตเดิมที่จะทยอยหมดอายุโรงไฟฟ้าลงประมาณ 2-3 GW
ส่วนการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าประเภทพลังงานหมุนเวียน จะเป็นการขยายการลงทุนทั้งในไทย และต่างประเทศ โดยในส่วนของประเทศไทย ซึ่งปัจจุบัน บริษัท ยังรอฟังผลการเข้าร่วมประมูลภายใต้โครงการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน แบบ FiT พ.ศ. 2565-2573 จำนวน 5,203 เมกะวัตต์ โดยบริษัทได้ยื่นเสนอไป 9 โครงการ เป็นพลังงานลม 2 โครงการ และโซลาร์ 7 โครงการ คาดว่าภาครัฐจะประกาศผลการยื่นอุทธรณ์และผู้ได้รับสิทธิในเร็วๆ นี้ ขณะเดียวกัน บริษัทก็เล็งโอกาสที่จะเข้าร่วมประมูลโครงการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์ผสมกับแบตเตอรี่ หากรัฐเปิดให้ยื่นเสนอโครงการในล็อตใหม่ด้วย
GPSC ยังมีโอกาสขยายการเติบโตไปพร้อมกับกลุ่ม ปตท.ต่อเนื่อง เช่น การร่วมมือกับบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ในหลายโครงการ โดยเฉพาะการเข้าไปเป็นผู้รับเหมา (EPC) ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป ป้อนให้ลูกค้าอุตสาหกรรมของ OR ปัจจุบันมีการติดตั้งไปแล้วกว่า 100 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างการก่อสร้างอีกประมาณ 17 โครงการ ขณะเดียวกัน ในอนาคตอาจพัฒนาความสัมพันธ์กับ OR ไปสู่การร่วมลงทุนในบริษัทลูกร่วมกันด้วย
นางรสยากล่าวว่า พอร์ตของ GPSC มีลูกค้าอุตสาหกรรม (IU) ในสัดส่วนสูงถึง 50% ทำให้กระทบต่อผลประกอบการปี 2565 เพราะไม่สามารถส่งผ่านต้นทุนค่าไฟได้ แต่เมื่อรัฐปรับขึ้นค่าไฟฟ้า ดังนั้นแนวโน้มผลประกอบการในปีนี้จะดีขึ้นกว่าปีก่อนมาก