ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยีฯ เผยปี 66 พร้อมเดินหน้าขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทุกรูปแบบ-ต่อยอดธุรกิจโรงไฟฟ้าสร้างมูลค่าเพิ่ม เข้าสู่ธุรกิจจัดหาใบรับรองสิทธิการผลิตพลังงานหมุนเวียน และคาร์บอนเครดิต ดันรายได้ปี 66 เติบโต 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 9,571.41ล้านบาท และกำไรสุทธิ 732.54 ล้านบาท
นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (SUPER) เปิดเผยว่า แผนดำเนินงานในปี 2566 บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญในการขยายงานโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทุกรูปแบบ เพื่อเพิ่มกำลังการผลิต ควบคู่กับแสวงหาโอกาสการลงทุน
ซึ่งบริษัทมีทั้งโครงการโรงไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมทั้งในไทยและต่างประเทศ โครงการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาอาคาร (โซลาร์รูฟท็อป) และโครงการการขยายงานสัญญาซื้อขายไฟฟ้าภาคเอกชน (Private PPA) และโครงการ SPP HYBRID สนับสนุนธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต
โดยบริษัทฯ วางเป้าหมายที่จะเพิ่มกำลังการผลิตอีก 1,000 เมกะวัตต์ในปี 2568 รวมเป็น 2,600 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีกำลังการผลิต 1,608.32 เมกะวัตต์ และมีรายได้อยู่ที่ 13,000 ล้านบาทจากปี 2566 ตั้งเป้าไว้ 12,000 ล้านบาท หรือเติบโต 20% จากปีก่อน
รวมถึงต่อยอดจากธุรกิจโรงไฟฟ้าเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยการเข้าสู่ธุรกิจจัดหาใบรับรองสิทธิการผลิตพลังงานหมุนเวียน และคาร์บอนเครดิต มุ่งเน้นการลงทุนในโรงไฟฟ้าที่มีเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูง รวมถึงการนำนวัตกรรมมาพัฒนาธุรกิจให้ตอบสนองต่อรูปแบบการใช้พลังงานในอนาคต เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัท
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2565 มีรายได้รวมอยู่ที่ 9,571.41 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 732.54 ล้านบาท จากปริมาณการผลิตกระแสไฟฟ้าได้เพิ่มขึ้น ทั้งโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทย และเวียดนามจากโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ ที่ค่าความเข้มแสงเพิ่มขึ้น โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม HBRE Chu Prong Wind Power Farm กำลังการผลิต 50 เมกะวัตต์ที่รับรู้รายได้เต็มปี จากจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ให้กับการไฟฟ้าเวียดนาม
นอกจากนี้ บริษัทยังมีการรับรู้รายได้จากโครงการพลังงานความร้อนจากขยะ โครงการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชนแบบครบวงจร จังหวัดหนองคาย กำลังการผลิต 6 เมกะวัตต์ ที่เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในช่วงปลายปี 2565