xs
xsm
sm
md
lg

กกร.หั่นคาดการณ์ส่งออกปี 66 เหลือ -1 ถึง 0% แต่ท่องเที่ยวหนุน GDP โต 3-3.5%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กกร.ปรับประมาณการส่งออกปี 66 จากเดิมโต 1-2% เหลือโต -1 ถึง 0% เหตุศก.โลกชะลอ แต่ภาพรวม GDP โตได้ตามกรอบเดิมที่ 3-3.5% หลังท่องเที่ยวหนุน ยัน ศก.ไทยไม่ถึงขั้นเข้าสู่ technical recession จี้ช่วงเปลี่ยนผ่านการเมืองรัฐควรกระตุ้นกำลังซื้อ เร่งใช้จ่ายภาครัฐ

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะประธานที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.)
เปิดเผยว่า กกร.ได้ปรับคาดการณ์การส่งออกของไทยในปี 66 มีโอกาสหดตัวในกรอบ -1 ถึง 0% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 1-2% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะคู่ค้าหลักชะลอตัวแต่ภาพรวมเศรษฐกิจไทยจะได้รับอานิสงส์จากภาคการท่องเที่ยวโดยคาดว่าตัวเลขการท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยน่าจะอยู่ระดับ 25-30 ล้านคนดังนั้นจึงยังคง ประมาณการเศรษฐกิจไทย (GDP) จะขยายตัวที่ 3-3.5% อัตราเงินเฟ้อทั่วไป 2.7-3.2% ตามกรอบเดิม

“การส่งออกของไทยที่ชะลอตัวสอดรับกับหลายประเทศภูมิภาคที่มีการส่งออกที่ชะลอตัว เช่น ไต้หวัน เกาหลีใต้ อย่างไรก็ตาม กกร.มองว่าเศรษฐกิจไทยจะไม่เกิด technical recession หรือภาวะเศรษฐกิจถดถอยในเชิงเทคนิค แม้ว่าการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 4/65 จะหดตัว 1.5% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/65 แต่คาดว่าในไตรมาส 1/66 จะไม่หดตัวต่อจนกลายเป็น technical recession โดยการท่องเที่ยวจะเป็นปัจจัยหลักในการสนับสนุนเศรษฐกิจในไตรมาสแรกให้ฟื้นตัวได้” นายเกรียงไกรกล่าว


ทั้งนี้ ในช่วงเลือกตั้งคาดว่าจะเห็นการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ราว ส.ค. 66 เศรษฐกิจไทยควรให้ความสำคัญในการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ เร่งการใช้จ่ายภาครัฐในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล รวมทั้งอาศัยโอกาสจากภาคการท่องเที่ยวที่มีการขยายตัวต่อเนื่องในช่วงนี้เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวที่จะกระจายรายได้สู่ชุมชน ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้สามารถขยายตัวได้ในกรอบประมาณการเศรษฐกิจเดิม

"ภาวะเศรษฐกิจถดถอยแล้วสะท้อนให้เห็นจากยอดส่งออกในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ปัจจัยที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปีนี้จะ เปลี่ยนจากการส่งออกไปเป็นภาคการท่องเที่ยวและการใช้จ่ายภาครัฐ" นายเกรียงไกรกล่าว

ขณะที่ยังมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ ได้แก่ ค่าแรง ความผันผวนของค่าเงินบาท และต้นทุนค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น ซึ่งภาคเอกชนอยากให้ภาครัฐเปิดโอกาสให้ได้ร่วมแลกเปลี่ยนแสดงความคิดเห็นการแก้ไขปัญหา รวมถึงมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME ให้สามารถปรับตัวรับความเสี่ยงผลจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ยที่ทยอยปรับสูงขึ้น

นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า พรรคใดจะมาในอนาคตก็แล้วแต่ขอเพียงให้มีนโยบายในเรื่องการเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันเพราะไทยเจอทั้งค่าแรง ต้นทุนพลังงาน เงินเฟ้อที่สูงส่งผลรวมถึงแนวโน้มดอกเบี้ยที่สูงขึ้นให้ขีดความสามารถแข่งขันลดลงที่ผ่านมา

นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย กล่าวว่า กกร.ตระหนักถึงภัยหลอกลวงทางการเงินออนไลน์ที่บั่นทอนความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจ ล่าสุดภาคธนาคารทยอยลดการใช้ SMS ในการติดต่อลูกค้าในระยะนี้ โดยรูปแบบการหลอกลวงล่าสุด คือหลอกให้โอนเอง จากการเข้าไปฝังตัวในมือถือเพื่อสั่งโอนเงินระยะไกล ปัจจุบันภาคธนาคาร ภาคโทรคมนาคม และภาคตลาดทุนหาแนวทางป้องกันภัยในทุกรูปแบบ หากร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีมีผลบังคับใช้ จะช่วยให้การดูแลช่วยเหลือประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพทำได้รวดเร็วขึ้น ระงับความเสียหายได้อย่างทันท่วงที สามารถบล็อกบัญชีต้องสงสัยได้โดยไม่ต้องรอแจ้งความ ซึ่งการแก้ปัญหาภัยทางการเงินต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน
กำลังโหลดความคิดเห็น