คุณนิสารัตน์ ชมภูพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ดาโอ จำกัด หรือ บลจ.ดาโอ (DAOL INVESTMENT MANAGEMENT) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจโลกปี 2566 คาดว่ามีทิศทางที่ดีขึ้น แม้จะเผชิญแนวโน้มชะลอตัวและมีโอกาสที่จะเกิดเศรษฐกิจในลักษณะของ Mild recession หรือภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจที่ไม่รุนแรง แต่การเปิดประเทศของจีนเป็นปัจจัยหนุนต่อเศรษฐกิจโลกทั้งการลงทุนและการบริโภคในประเทศจีนที่ทำให้ GDP ของจีนฟื้นตัว รวมถึงการท่องเที่ยวนอกประเทศของชาวจีนที่เป็นบวกต่อเศรษฐกิจหลายประเทศที่เป็นเป้าหมายของนักท่องเที่ยวชาวจีน
ขณะเดียวกัน การคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งแรกของปีทำให้แรงกดดันต่อในเรื่องดังกล่าวต่อราคาสินทรัพย์ลดลง ดังนั้นแนวโน้มที่ราคาสินทรัพย์ที่จะปรับตัวลงเริ่มมีจำกัด โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีที่ถูกขายไปก่อนหน้ามีแนวโน้มฟื้นตัว
ทั้งนี้ ในช่วงการปรับตัวลงของตลาดตราสารทุนตั้งแต่ปี 2021 พบว่าหุ้นกลุ่มนวัตกรรมได้ถูกขายมากที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดอื่น โดยดัชนี MSCI ACWI IMI Innovation Index ได้ปรับตัวลงมา -36% จากจุดสูงสุด เทียบกับดัชนี MSCI ACWI Growth Index ที่ปรับตัวลงมา -29% ส่วนดัชนี MSCI ACWI Index ปรับตัวลง -18% และกับ MSCI ACWI Value Index ที่ปรับตัวลงมา -8% ทำให้ราคาหุ้นกลุ่มนวัตกรรมถูกประเมินว่ามีมูลค่าที่ถูกลงมาอยู่ในระดับที่น่าสนใจ (Source: Goldman Sachs Asset Management as of January 2023)
บลจ.ดาโอมองว่าหุ้นในกลุ่มนวัตกรรมทั่วโลกมีโอกาสปรับตัวขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสในการลงทุน ทาง บลจ.จึงเปิดเสนอขาย IPO “กองทุนเปิด ดาโอ อินโนเวชั่น (DAOL-INNOVA)” มีความเสี่ยงระดับสูง (6) เปิดเสนอขายระหว่างวันที่ 9-16 ก.พ. 2566 ลงทุนขั้นต่ำ 5,000 บาท โดยมีนโยบายการลงทุนในหลักทรัพย์หรือตราสารของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจหรือได้รับประโยชน์จากการเติบโตที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีนวัตกรรมโลกยุคใหม่ (Disruptive innovation) ทั่วโลก ดังนี้
1.) กลุ่ม Technology ที่เกี่ยวข้องกับหุ่นยนต์, ปัญญาประดิษฐ์, Cloud Computing, เซมิคอนดักเตอร์, การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ ผ่านกองทุน Invesco China Technology ETF, VanEck Semiconductor ETF และ Global X Robo Global Robotics & Automation ETF
2.) กลุ่ม Fintech Revolution ที่เกี่ยวกับนวัตกรรมทางการเงินเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและตอบสนองผู้ให้บริการที่ดีขึ้น ได้แก่ การชำระเงินออนไลน์ ระบบสินเชื่อสำหรับรายย่อย ระบบดูแลและแนะนำการลงทุนด้วย AI รวมถึงกระเป๋าเงินดิจิทัลครบวงจร และครอบคลุมในกลุ่ม Commerce ซึ่งลงทุนผ่านกองทุน Global X MSCI China Consumer Discretionary ETF, SPDR® MSCI Europe Consumer Discretionary และ IPAY ETFMG Prime Mobile Payments ETF
3.) กลุ่ม Health Revolution ลงทุนอุตสาหกรรมทางการแพทย์ ที่เกี่ยวกับการรักษาและวินิจฉัยโรค ด้วยเทคโนโลยียุคใหม่ ซึ่งมีความต้องการเพิ่มขึ้น ผ่านกองทุน SPDR S&P Health Care Equipment ETF
และ 4.) กลุ่ม Smart Mobility หรือเทคโนโลยีที่เพิ่มประสิทธิภาพอุตสาหกรรมคมนาคมให้สะดวกปลอดภัยมากขึ้น รวมถึงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น Ride Sharing, Bike Commuting, Car Sharing, Drone system โดยลงทุนผ่านกองทุนหลัก iShares Self Driving EV and Tech ETF
(Source: DAOL INVESTMENT MANAGEMENT, Data as of 25 January 2023)
โดยกองทุนใช้กลยุทธ์ Active Asset Allocation และบริหารพอร์ตการลงทุนแบบ Dynamic ที่มีการลงทุนแบบยืดหยุ่นระหว่างเงินสด และสินทรัพย์เสี่ยงตามสภาวะตลาดที่เหมาะสม และปรับสัดส่วนในกลุ่มเทคโนโลยี 5 นวัตกรรมในแต่ละกลุ่มตามช่วงเวลาที่มีแนวโน้มศักยภาพในการเติบโต ทำให้กองทุน DAOL-INNOVA สามารถปรับการลงทุนได้ในทุกสภาวะตลาด รวมถึงการปรับพอร์ตให้เป็นกลางเพื่อรอความชัดเจนของทิศทางตลาด เป็นกลยุทธ์บริหารพอร์ตลงทุนที่ช่วยสร้างโอกาสรับผลตอบแทนได้ดียิ่งขึ้นและเหมาะกับภาวะตลาดที่มีทั้งปัจจัยบวกและปัจจัยที่ไม่แน่นอน
"บลจ.ดาโอมองว่า การปรับตัวลงของราคาหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีนำมาซึ่งโอกาสและศักยภาพในการสร้างพอร์ตการลงทุนในระยะยาว เนื่องจากเทคโนโลยีที่สำคัญ เช่น A.I., Big Data, ธุรกรรมการเงินออนไลน์, รถยนต์ไฟฟ้า และความมั่นคงด้านพลังงาน ถือเป็นเทรนด์ในระยะยาว "กองทุนเปิด ดาโอ อินโนเวชั่น" จึงเป็นโอกาสสร้างผลตอบแทนจากเทคโนโลยีและนวัตกรรม ที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาธุรกิจและการใช้ชีวิตของมนุษย์ในปัจจุบันและอนาคต ซึ่ง บลจ.ดาโอ เชื่อว่ามีศักยภาพในการพัฒนาให้เติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืน" คุณนิสารัตน์กล่าว