กนอ.เผยก่อสร้างท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 (ช่วงที่ 1) ดำเนินการออกแบบโครงสร้างพื้นฐาน-งานออกแบบรายละเอียด คืบหน้าเร็วกว่าแผน 1.1% หลังงานก่อสร้างเขื่อนกันทรายลงหินแกนแล้วเสร็จ 100% พร้อมลุยงานขุดลอก-ถมทะเลในพื้นที่โครงการฯ วันนี้ (21 ก.พ. 66) สำหรับช่วงที่ 2 อยู่ระหว่างการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน กำหนดให้ยื่นข้อเสนอ 6 มิ.ย.นี้ คาดก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2570 พร้อมใช้เป็นท่าเรือขนถ่ายก๊าซธรรมชาติ ส่งเสริมอุตสาหกรรมปิโตรเคมีของประเทศ
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 เพื่อรองรับการขนถ่ายก๊าซธรรมชาติและวัตถุดิบเหลวสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เพื่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ มูลค่าการลงทุนทั้งโครงการ 6.4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนของภาคเอกชน 5.2 หมื่นล้านบาท และภาครัฐ 1.2 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ แบ่งการดำเนินงานเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงที่ 1 เป็นการร่วมทุนระหว่าง กนอ. กับบริษัท กัลฟ์ เอ็มทีพี แอลเอ็นจี เทอร์มินัล จำกัด เพื่อขยายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เป็นพื้นที่ถมทะเล 1,000 ไร่ (พื้นที่หลังท่าและหน้าท่าพร้อมใช้งาน 550 ไร่ และพื้นที่กักเก็บตะกอนดิน 450 ไร่) ซึ่งล่าสุดได้ดำเนินการออกแบบโครงสร้างพื้นฐานและงานออกแบบรายละเอียดเรียบร้อยแล้ว มีความคืบหน้าร้อยละ 38.53 เร็วกว่าแผนที่กำหนดไว้ ร้อยละ 1.10 ขณะที่ปัจจุบันงานก่อสร้างเขื่อนกันทรายสามารถลงหินแกนแล้วเสร็จ 100% และเริ่มทดสอบการขุดลอกไปเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก่อนที่จะเริ่มงานขุดลอกและถมทะเลในพื้นที่ของโครงการฯ ในวันนี้ (21 ก.พ. 66)
สำหรับการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 (ช่วงที่ 2) เปิดขายซองประมูลเมื่อวันที่ 8 พ.ย.-8 ธ.ค. 2565 โดยเอกชนจะยื่นข้อเสนอในวันที่ 6 มิ.ย. 2566 ขณะเดียวกันได้มีการจ้างทีมศึกษาโครงการช่วงที่ 2 อีกครั้ง เพื่อพิจารณาค่าร่วมดำเนินการระหว่างรัฐและเอกชนว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ พร้อมทั้งเตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) หากมีการเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตาม การเดินหน้าโครงการพัฒนาท่าเรือมาบตาพุด ระยะที่ 3 (ช่วงที่ 2) อาจล่าช้ากว่ากำหนดการเดิมบ้าง แต่ในภาพรวมโครงการระยะที่ 3 ทั้งหมดจะยังคงแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2569 ถึงต้นปี 2570
“โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ทั้งช่วงที่ 1 และช่วงที่ 2 ทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มมากขึ้นในช่วงของการก่อสร้างและดำเนินโครงการฯ ชุมชนมีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ ทำให้มีเงินหมุนเวียนในชุมชนมากขึ้น ขณะเดียวกัน กนอ.ยังมีมาตรการเยียวยาที่ชัดเจนผ่านมูลนิธิกองทุนหลักประกันความเสียหายฉุกเฉินและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ตามรายงาน EHIA เมื่อ 7 เม.ย. 2564 เพื่อเยียวยากลุ่มประมงเรือเล็กพื้นบ้านที่มีพื้นที่จับสัตว์น้ำประมาณ 2,200 ไร่ บริเวณพื้นที่ถมทะเลด้วย” นายวีริศกล่าว
โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 โดยเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญเร่งด่วนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถและความจุในการขนถ่ายก๊าซธรรมชาติและสินค้าเหลวสำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเคมีอีก 19 ล้านตันต่อปี ใน 30 ปีข้างหน้า รวมถึงรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมเหล็กครบวงจร อุตสาหกรรมปุ๋ยเคมี และการลงทุนในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ทั้งนี้ ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด เป็นท่าเรืออุตสาหกรรมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีความสามารถในการขนถ่ายก๊าซธรรมชาติ และสินค้าเหลว ในปริมาณ 16 ล้านตันต่อปี มีผู้ประกอบการจำนวน 12 ราย ได้แก่ ผู้ให้บริการท่าเทียบเรือเฉพาะกิจ จำนวน 9 ราย และผู้ให้บริการท่าเทียบเรือสาธารณะ จำนวน 3 ราย
นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการก่อสร้างท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 เพื่อรองรับการขนถ่ายก๊าซธรรมชาติและวัตถุดิบเหลวสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เพื่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ มูลค่าการลงทุนทั้งโครงการ 6.4 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนของภาคเอกชน 5.2 หมื่นล้านบาท และภาครัฐ 1.2 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ แบ่งการดำเนินงานเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงที่ 1 เป็นการร่วมทุนระหว่าง กนอ. กับบริษัท กัลฟ์ เอ็มทีพี แอลเอ็นจี เทอร์มินัล จำกัด เพื่อขยายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เป็นพื้นที่ถมทะเล 1,000 ไร่ (พื้นที่หลังท่าและหน้าท่าพร้อมใช้งาน 550 ไร่ และพื้นที่กักเก็บตะกอนดิน 450 ไร่) ซึ่งล่าสุดได้ดำเนินการออกแบบโครงสร้างพื้นฐานและงานออกแบบรายละเอียดเรียบร้อยแล้ว มีความคืบหน้าร้อยละ 38.53 เร็วกว่าแผนที่กำหนดไว้ ร้อยละ 1.10 ขณะที่ปัจจุบันงานก่อสร้างเขื่อนกันทรายสามารถลงหินแกนแล้วเสร็จ 100% และเริ่มทดสอบการขุดลอกไปเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก่อนที่จะเริ่มงานขุดลอกและถมทะเลในพื้นที่ของโครงการฯ ในวันนี้ (21 ก.พ. 66)
สำหรับการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 (ช่วงที่ 2) เปิดขายซองประมูลเมื่อวันที่ 8 พ.ย.-8 ธ.ค. 2565 โดยเอกชนจะยื่นข้อเสนอในวันที่ 6 มิ.ย. 2566 ขณะเดียวกันได้มีการจ้างทีมศึกษาโครงการช่วงที่ 2 อีกครั้ง เพื่อพิจารณาค่าร่วมดำเนินการระหว่างรัฐและเอกชนว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ พร้อมทั้งเตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) หากมีการเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตาม การเดินหน้าโครงการพัฒนาท่าเรือมาบตาพุด ระยะที่ 3 (ช่วงที่ 2) อาจล่าช้ากว่ากำหนดการเดิมบ้าง แต่ในภาพรวมโครงการระยะที่ 3 ทั้งหมดจะยังคงแล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2569 ถึงต้นปี 2570
“โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ทั้งช่วงที่ 1 และช่วงที่ 2 ทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มมากขึ้นในช่วงของการก่อสร้างและดำเนินโครงการฯ ชุมชนมีรายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ ทำให้มีเงินหมุนเวียนในชุมชนมากขึ้น ขณะเดียวกัน กนอ.ยังมีมาตรการเยียวยาที่ชัดเจนผ่านมูลนิธิกองทุนหลักประกันความเสียหายฉุกเฉินและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ตามรายงาน EHIA เมื่อ 7 เม.ย. 2564 เพื่อเยียวยากลุ่มประมงเรือเล็กพื้นบ้านที่มีพื้นที่จับสัตว์น้ำประมาณ 2,200 ไร่ บริเวณพื้นที่ถมทะเลด้วย” นายวีริศกล่าว
โครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 โดยเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญเร่งด่วนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถและความจุในการขนถ่ายก๊าซธรรมชาติและสินค้าเหลวสำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเคมีอีก 19 ล้านตันต่อปี ใน 30 ปีข้างหน้า รวมถึงรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมเหล็กครบวงจร อุตสาหกรรมปุ๋ยเคมี และการลงทุนในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ทั้งนี้ ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด เป็นท่าเรืออุตสาหกรรมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีความสามารถในการขนถ่ายก๊าซธรรมชาติ และสินค้าเหลว ในปริมาณ 16 ล้านตันต่อปี มีผู้ประกอบการจำนวน 12 ราย ได้แก่ ผู้ให้บริการท่าเทียบเรือเฉพาะกิจ จำนวน 9 ราย และผู้ให้บริการท่าเทียบเรือสาธารณะ จำนวน 3 ราย