xs
xsm
sm
md
lg

PTTGC ลั่นปีนี้ปริมาณผลิตโต 15% อัดงบลงทุน 1 หมื่นล้านขยายธุรกิจ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



PTTGC ลั่นผลประกอบการปี 66 โตต่อเนื่อง จากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขื้น 15% จากปีก่อน จากโรงงานใหม่ทยอยผลิตเชิงพาณิชย์ โรงกลั่นน้ำมันและปิโตรเคมีกลับมาผลิตเต็มที่หลังภาวะเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวดีขึ้นจากจีนเปิดประเทศ พร้อมอัดงบลงทุนปีนี้ 1 หมื่นล้านบาท ไม่รวม M&A แย้มปีนี้มีความชัดเจนการลงทุนโรงงานผลิตรีไซเคิลพลาสติกในสหรัฐฯ

นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC) เปิดเผยว่า ในปี 2566 บริษัทมีผลการดำเนินงานเติบโตขึ้นจากปีก่อน เนื่องจากมีปริมาณการผลิตเพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อน เนื่องจากมีหลายโรงงานทยอยผลิตเชิงพาณิชย์ในปีนี้ไม่ว่าจะเป็นโรงงานผลิตเม็ดพลาสติก PP ไลน์ 4 ของบริษัทเอ็ชเอ็มซี โปลีเมอส์ โรงงานผลิตพลาสติกวิศวกรรมขั้นสูงของบริษัท Kuraray GC Advanced Material (KGC) และโครงการ Olefins 2 Modification (OMP) ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของวัตถุดิบ โดยจะได้โพรพิลีนเพิ่มจำนวน 63,000 ตันต่อปี รวมทั้งทิศทางราคาปิโตรเคมีได้ฟื้นตัวดีขึ้นหลังจากจีนเปิดประเทศ และภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยไม่รุนแรงเท่าที่คิด

ในปีนี้ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันและปิโตรเคมีของ PTTGC จะกลับมาเดินเครื่องจักรเต็มที่หลังจากปีก่อนได้มีการปิดซ่อมบำรุง และลดกำลังการผลิตลงเนื่องจากความต้องการใช้และราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีลดลงมาก รวมทั้งปีนี้การลงทุนใน allnex จะรับรู้ยอดขายเต็มปี ซึ่ง allnex มีแผนขยายการลงทุนเพิ่มเติมในอนาคตด้วย ส่งผลให้ในปี 2566 บริษัทมีมาร์จิ้นดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา โดยมีอัตรากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ช่วงปี 2566-2573 บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายเติบโตเฉลี่ยปีละ 4%

นายคงกระพันกล่าวต่อไปว่า บริษัทตั้งงบลงทุนในปี 2566 อยู่ที่ 300 ล้านเหรียญสหรัฐหรือราว 10,000 ล้านบาท ไม่รวมการลงทุนการควบรวมหรือซื้อกิจการ (M&A) เพื่อใช้ลงทุนโครงการต่อเนื่องที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง รวมถึงแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Net Zero) ซึ่งขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาลงทุนโครงการผลิตพลาสติกรีไซเคิลในสหรัฐฯ คาดว่าจะมีความชัดเจนในปีนี้

ความคืบหน้าโครงการปิโตรเคมี คอมเพล็กซ์ในสหรัฐฯ บริษัทยังคงชะลอการตัดสินใจลงทุนไปจนกว่าจะหาพันธมิตรร่วมทุนใหม่ได้ เนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่และใช้เงินลงทุนสูง ทำให้ต้องพิจารณาการลงทุนอย่างระมัดระวัง

ทั้งนี้ ในปีนี้ PTTGC มุ่งเน้นการฟื้นตัวและการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ในปี 2566 ด้วยการตั้งเป้าทิศทางเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจใช้กลยุทธ์ 3 Steps Plus ประกอบด้วย Step Change จะผลักดันโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามแผน อาทิ โครงการปรับปรุงโรงโอเลฟินส์หน่วยที่ 2 (Olefins 2 Modification Project) ซึ่งจะทำให้โรงโอเลฟินส์หน่วยที่ 2 สามารถใช้โพรเพนเป็นวัตถุดิบในการผลิตได้เพิ่มขึ้น โครงการดังกล่าวสอดคล้องกับแผนกลยุทธ์บริษัทฯ ในการเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้วัตถุดิบและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว คาดว่าเริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 1/2566 โครงการก่อสร้างโรงงานไบโอพลาสติก PLA แห่งที่ 2 กำลังการผลิต 75,000 ตันต่อปี ของบริษัท NatureWorks ที่จังหวัดนครสวรรค์ คาดว่าจะเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในปี 2567
ส่วน Step Out จะเดินหน้ากลยุทธ์การแสวงหาโอกาสต่อเนื่อง หลังจากประสบความสำเร็จในการเข้าซื้อกิจการ allnex เพื่อสร้างการเติบโตในธุรกิจใหม่หรือในต่างประเทศ โดยการปรับองค์กรตั้งหน่วยงานธุรกิจต่างประเทศขึ้นเพื่อต่อยอดการเติบโตของบริษัทฯ มุ่งสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคต โดยมีเป้าหมายเพื่อมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจในต่างประเทศ สนองตอบความต้องการของผู้บริโภคภายใต้เมกะเทรนด์โลก และเตรียมสร้าง Thailand Innovation Hub ที่จะเป็นศูนย์วิจัย นวัตกรรมและเทคโนโลยีล้ำสมัยให้กับ allnex เพื่อการเติบโตในภูมิภาคเอเชีย และ Step Up จะผลักดันแผนลดการปลดปล่อยคาร์บอน โดยมีแผนการดำเนินงาน Roadmap เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายลดการปลดปล่อยคาร์บอนในปี 2573 


กำลังโหลดความคิดเห็น