“พาณิชย์” เคาะส่วนต่างประกันรายได้ข้าว งวดที่ 17 จ่ายแค่ “ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่” ส่วนอีก 4 ชนิดไม่ต้องจ่าย เหตุข้าวเปลือกหอมมะลิสิ้นสุดฤดูกาล ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกปทุมธานี และข้าวเปลือกเหนียว ราคาทะลุเพดานประกัน เผยแนวโน้มราคาข้าวยังดีขึ้นต่อเนื่อง
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้พิจารณาราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2565/66 งวดที่ 17 สำหรับเกษตรกรที่แจ้งวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวระหว่างวันที่ 28 ม.ค.-3 ก.พ. 2566 โดยมีการจ่ายเงินส่วนต่างให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวเพียง 1 ชนิด ได้แก่ ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลิ ไม่ต้องจ่ายเพราะสิ้นสุดฤดูเก็บข้าว ข้าวเปลือกเจ้า ข้าวเปลือกปทุมธานี และข้าวเปลือกเหนียว ไม่ต้องจ่ายเพราะราคาสูงกว่าเป้าหมาย
โดยข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ เกณฑ์กลางตันละ 13,658.81 บาท ชดเชยตันละ 341.19 บาท ได้รับชดเชยสูงสุดครัวเรือนละ 5,459.04 บาท ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี เกณฑ์กลางตันละ 11,150.26 บาท สูงกว่าประกันรายได้ที่ตันละ 11,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้า เกณฑ์กลางตันละ 10,040.01 บาท สูงกว่าประกันรายได้ที่ตันละ 10,000 บาท และข้าวเปลือกเหนียว เกณฑ์กลางตันละ 12,555.44 บาท สูงกว่าประกันรายได้ที่ตันละ 12,000 บาท ส่วนข้าวเปลือกหอมมะลิ ไม่มีการคำนวณส่วนต่างเพราะสิ้นสุดฤดูกาล
ทั้งนี้ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรงภายใน 3 วันทำการ หรือภายในวันที่ 8 ก.พ. 2566 โดยมีเกษตรกรได้รับชดเชยตามข้อมูลของกรมส่งเสริมการเกษตรงวดนี้จำนวน 4,678 ครัวเรือน
นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงงวดที่ 17 สูงกว่าราคาประกันรายได้เกือบทุกชนิดข้าว มีเพียงข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ที่ราคายังต่ำกว่าที่ประกันรายได้เอาไว้ โดยแนวโน้มเชื่อว่าราคาข้าวจะปรับตัวสูงขึ้นต่อไป เพราะยังมีคำสั่งซื้อส่งออกที่อยู่ระหว่างส่งมอบ ทำให้มีการซื้อข้าวเพิ่มขึ้น แต่ต้องติดตามสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าในช่วงนี้ ที่จะมีผลกระทบต่อราคาส่งออกข้าว
สำหรับโครงการชะลอการขายข้าวเปลือก ซึ่งเกษตรกรเก็บข้าวไว้ในยุ้งฉางในช่วงที่เก็บเกี่ยวมาก ธ.ก.ส.ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันมีข้าวเปลือกเข้าร่วมโครงการประมาณ 2 ล้านตัน มีการจ่ายค่าฝากเก็บตันละ 1,500 บาท จ่ายไปแล้วประมาณ 1.5 ล้านตัน ซึ่งจะเร่งดำเนินการจ่ายเงินให้เกษตรกรเสร็จสิ้นภายในสิ้นเดือน ก.พ.นี้ ส่วนของการจ่ายเงินช่วยเหลือค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว (ไร่ละพันบาท) ธ.ก.ส.ได้โอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรแล้วกว่า 4.62 ล้านครัวเรือน วงเงิน 53,859.73 ล้านบาท ขณะที่การจ่ายเงินส่วนต่าง งวดที่ 1-16 จ่ายแล้วจำนวน 2.59 ล้านครัวเรือน วงเงิน 7,845.40 ล้านบาท