ทางหลวงชนบทนำผู้แทนธนาคารโลกลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นประชาชนชาวกระบี่ เดินหน้าสร้างโครงการสะพานเชื่อมเกาะลันตาปลายปี 2566
นายวีรเดช ชีวาพัฒนานุวงศ์ วิศวกรใหญ่กรมทางหลวงชนบท (ทช.) และนายดำรงศักดิ์ คงช่วย รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานทางหลวงชนบทที่ 14 นำ คณะผู้แทนธนาคารโลก (World Bank) และผู้แทนสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลัง ลงพื้นที่ประชุมหารือและรับฟังความคิดเห็นประชาชนใน “โครงการสะพานเชื่อมเกาะลันตา” ตำบลเกาะกลาง-ตำบลเกาะลันตาน้อย อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ ณ มัสยิดบ้านคลองหมาก อำเภอเกาะลันตา โดยมีตัวแทนจากผู้ประกอบการเดินเรือข้ามฟาก องค์การบริหารส่วนจังหวัดกระบี่ ผู้นำชุมชนชาวอูรักลาโว้ย ผู้นำชาวประมงบ้านหัวหิน นายนพรัตน์ ศรีพรหม นายอำเภอเกาะลันตา ส่วนราชการในพื้นที่ นายฮัจยี สวาสดิ์ หมั่นเพียร อีหม่ามมัสยิดสามัคคี บ้านคลองหมาก และผู้อุทิศที่ดิน เข้าร่วมประชุมและแสดงความคิดเห็น
ซึ่งประชาชนในพื้นที่เห็นด้วยกับการก่อสร้างสะพาน เพราะเป็นเรื่องที่ดีสำหรับเกาะลันตาซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางของประชาชน รวมถึงส่งผลดีในด้านการท่องเที่ยวจากการเดินทางที่สะดวก ช่วยส่งเสริมการเข้าถึงระบบการศึกษาในพื้นที่ การเข้าถึงระบบสาธารณสุขและการรักษาพยาบาลอย่างรวดเร็ว ส่วนในด้านผลกระทบสิ่งแวดล้อมประชาชนในพื้นที่ไม่ได้กังวลมากนักเพราะมีการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเรียบร้อยแล้ว
ปัจจุบันเกาะลันตามีศักยภาพในการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว แต่พบปัญหาการเดินทางและการขนส่งที่ล่าช้า เนื่องจากมีทางเข้าออกเพียงทางเดียวและใช้เวลาเดินทางจากแผ่นดินใหญ่มายังเกาะลันตาน้อยนาน 1-2 ชั่วโมง นอกจากนี้เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินในช่วงกลางคืนต้องเหมาแพขนานยนต์ ส่งผลให้เกิดความยากลำบากในการเดินทางของประชาชนในพื้นที่
ดังนั้น กรมทางหลวงชนบทจึงได้ดำเนินการตามนโยบายนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในการอำนวยความสะดวกและปลอดภัยในการเดินทางให้แก่ประชาชน โดยได้ดำเนินการโครงการก่อสร้างสะพานเชื่อมเกาะลันตา เชื่อมต่อแผ่นดินใหญ่กับเกาะลันตาน้อย โดยมีจุดเริ่มต้นจากทางหลวงหมายเลข 4206 กม.ที่ 26 + 620 ตำบลเกาะกลาง ไปบรรจบกับทางหลวงชนบท กบ.5035 ตำบลเกาะลันตาน้อย อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ รวมระยะทางทั้งสิ้น 2.240 กิโลเมตร
ปัจจุบันออกแบบแล้วเสร็จ และผ่านการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) มีวงเงินค่าก่อสร้าง 1,800 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินกู้ต่างประเทศ 1,260 ล้านบาท (70%) และงบประมาณ 540 ล้านบาท (30%) คาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2566 และจะแล้วเสร็จเปิดใช้งานได้ในปี พ.ศ. 2569