ผู้จัดการรายวัน 360 – “บอนชอน” เปิดเกมรุกหนัก รับมือตลาดไก่ทอดเกาหลีแข่งเดือด เข้ามามากหน้าหลายแบรนด์ ส่งผลตลาดรวมไก่ทอดมูลค่า20,000 กว่าล้านบาท คึกคักไม่หยุด ทุ่ม 200 ล้านบาท ผุดใหม่ 15 สาขา ทำตลาดเต็มที่ ดึง “ไบร์ท-วชิรวิชญ์ ชีวอารี” แบรนด์แอมบาสเดอร์เชื่อมต่อขยายกลุ่มGen Z
นายธันยเชษฐ์ เอกเวชวิท ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฎิบัติการ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตลาดไก่ทอดถือเป็นเซ็กเมนต์ที่ใหญ่มากมีมูลค่าตลาดรวมมากกว่า 20,000กว่าล้านบาท มีการเติบโตอย่างมากต่อเนื่องมาตลอด 2 หลัก แม้ว่ามีสถานการณ์โควิด-19ก็ยังเติบโต โดยเป้าหมายระยะยาวจะมีบอนชอนให้ได้ถึง 200 สาขา
นายธนกฤต กิตติพนาชนม์ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท สพูนฟูล (ประเทศไทย ) จำกัด ผู้บริหารร้านบอนชอน (BON CHON)ไก่ทอดเกาหลี ภายใต้บริษัท เดอะไมเนอร์ ฟู้ด จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลาดไก่ทอดเกาหลี มีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น ขณะนี้ก็มีผู้ประกอบการหลายแบรนด์เข้ามารุกตลาดในไทยเพิ่มขึ้น ทั้งที่เป็นแบรนด์ของคนไทยเองหรือเป็นแบรนด์ที่เป็นของต่างประเทศเกาหลีที่เข้ามาเปิดในไทยเอง และที่ทนไทยซื้อแฟรนไชส์เข้ามา
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า แบรนด์ใหม่ที่เริ่มเข้ามารุกตลาดไก่ทอดเกาหลีในไทยช่วงปีสองปีที่ผ่านมาเช่น แบรนด์มัมทัชในเครือของอาร์เอส เพิ่งเริ่มมีประมาณ 2 สาขา, แบรนด์ เนเน่จากเกาหลีแต่เป็นลักษณะคิวเอสอาร์, แบรนด์ GUGU มีประมาณ 30 กว่าสาขา เน้นแบบคีออสเป็๋นหลัก ส่วนแบรนด์เดิมที่มีสาขาหลายแห่งแล้่วเช่น เคียวโชน ชุงมัง เป็นต้น ก็มีการขยายตัวต่อเนื่อง ยังไม่นับรวมแบรนด์ไก่ทอดทั่วไปที่เป็นเชนรายใหญ่ที่ไม่ใช่ไก่ทอดสไตล์เกาหลีอีกมาก
นายธนกฤต กล่าวว่า บอนชอนถือเป็นผู้นำตลาดไก่ทอด ทั้งในแง่ของจำนวนสาขาที่มีมากถึง106 สาขา เพิ่มจากปี2562ที่ไมเนอร์ซื้อมาที่มีเพียง 42 สาขาเท่านั้น รวมทั้งยอดขายรวมด้วย ปีนี้บอนชอน ก็ยังคงตั้งเป้าการเติบโตยอดขายไม่ต่ำกว่า20% แม้ว่าตลาดรวมจะมีการแข่งขัยที่สูงก็ตาม โดยมีการวางแผนธุรกิจในเชิงรุกไว้แล้วด้วยงบรวมมากกว่า 200 ล้านบาท
โดยแบ่งเป็นงบลงทุนสาขาประมาณ 100 กว่าล้านบาท เปิดใหม่ไม่ต่ำกว่า 10-15 สาขา แบ่งเป็นทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดใกล้เคียงกัน จากปีที่แล้วเปิดประมาณ 12 สาขา ซึ่งเริ่มเน่้นออกต่างจังหวัดมากขึ้นแล้ว เช่นที่ผ่านมาเปิดที่จันทบุรี พิษณุโลก เชียงราย อุบลราชธานี ได้ผลตอบรับอย่างดี ปีนี้จะเปิดเป็นคอนเซ็ปท์ใหม่อีก ล่าสุดคือคอนเซ็ปท์สตรีทเริ่มเมื่อปีที่แล้ว 11 สาขา ล่าสุดคือสาขาเทอร์มินัล21 อโศก จากเดิมคอนเซ็ปท์เป็นมินิมอลมานานแล้ว
ปัจจุบันรายได้มาจาก 3 ช่องทาง คือ ไดน์อิน(นั่งทานในร้าน) 50%, ดีลิเวอรี่ 40% และ เทคอะเวย์ 10% อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ผู้บริโภคกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติแล้ว การนั่งทานในร้านจะเป็นกลุ่มหลักเหมือนเดิม ซึ่งตั้งเป้าหมายสัดส่วนนั่งทานในร้านจะกลับมาเป็นสัดส่วนเป็น 70%, ดีลิเวอรี่ลดลงเหลือ 20% และ เทคอะเวย์ 10% นอกจากนี้ในจำนวนสายขารวมมีร้านที่เปิดบริการ 24 ชั่วโมง ประมาณ 5 สาขา และเปิดถึงตี2ประมาณ 40 กว่าสาขา โดยความถี่ลูกค้าเข้าร้านประมาณ 1 ครั้งต่อเดือน มีสมาชิก 3 แสนราย ค่าใช้จ่ายนั่งทานในร้านเฉลีย่่ 900 บาทต่อบิล และประมาณ 400 บาทต่อบิลดีลิเวอรี่
ส่วนงบอีก 100 ล้านบาท จะเป็นงบการตลาด ล่าสุดได้เปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์รนแรกคือ “ไบร์ท-วชิรวิชญ์ ชีวอารี” นักแสดงวัยรุ่น เพื่อขยายฐานกลุ่มผู้บริโภคที่เป็น Gen Zวัยร่นอายุระหว่าง 18-35 ปีมากขึ้น จากกลุ่มเป้าหมายวงกว้างคือ อายุ 18-45 ปี ซึ่งก็จะมีการทำตลาดโดยแบรนด์แอมบาสเดอร์ที่หลากหลายมากขึ้นด้วย
นายธนกฤต กล่าวว่า กลยุทธ์ปีนี้ของบอนชอนมี 5 ประการหลักคือ 1.การรักษาเอกลักษณ์และมาตรฐานความอร่อยสไตล์เกาหลีแท้ ๆ ที่ไม่เหมือนใครในทุกเมนู ด้วยกรรมวิธีการปรุงอย่างพิถีพิถันทุกขั้นตอน เช่น เมนูไก่ทอดเกาหลีซิกเนเจอร์ของบอนชอน การคัดสรรวัตถุดิบสำหรับการปรุงอาหารที่ร้านบอนชอน โดยเฉพาะในซอสสูตร Soy Garlic และซอสสูตร Hot , 2. การสร้างความแตกต่างเมนูใหม่ ๆ และเปิดตัวขนาดใหม่ ไซส์ XS รวมถึงโปรโมชันที่มีความหลากหลาย ควบคู่ไปกับการวางกลยุทธ์ด้านราคาที่เข้าถึงได้ ด้วยการเปิดตัวขนาดใหม่ ไซส์ XS ในราคาเริ่มต้น 129 บาท เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น, 3.เพิ่มช่องทางการให้บริการที่ครอบคลุม ทั้งในรูปแบบการรับประทานที่ร้าน การซื้อกลับไปทานที่บ้าน และการสั่งอาหารอย่างสะดวกรวดเร็วผ่านแพลตฟอร์มดีลิเวอรี รวมไปถึงการเจาะกลุ่มลูกค้าฐานใหม่ ๆ อย่างเช่น ร้าน Stand Alone ในปั๊มน้ำมัน เป็นต้น, 4.การ เปิดตัวแบรนด์แอมบาสเดอร์ของแบรนด์เป็นครั้งแรก โดยได้ดึง “ไบร์ท-วชิรวิชญ์ ชีวอารี” นักแสดงและนักร้องมากความสามารถแถวหน้าของประเทศไทย และ 5. การขยายสาขา