xs
xsm
sm
md
lg

“บาจา” โผล่ “ติ๊กต็อก” ขายรองเท้า ปรับกลยุทธ์กู้รายได้ฟื้น 2.4 พันล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้จัดการรายวัน 360 - “บาจา” เดินเกมรุกหนักปี 2566 ทั้งการตลาดคอลลาบอเรชัน การเพิ่มโอกาสการขาย ผ่านติ๊กต็อก การรีโนเวต ลุยขยายร้านใหม่เพิ่ม 
นางสาววิลาสินี ภาณุรัตน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บาจา (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปี 2566 นี้บริษัทฯ มีแผนรุกตลาดอย่างเต็มที่หลังจากที่มีความพร้อมมากขึ้น จะขยายช่องทางการจำหน่าย สร้างโอกาสในการขายมากขึ้น ล่าสุดปีนี้จะมีการร่วมมือกับทางแพลตฟอร์มติ๊กต็อกและไลน์ในการขายสินค้า ซึ่งมีที่ไทยเท่านั้น จากเดิมที่ช่องทางออนไลน์มีผ่านแพลตฟอร์มลาซาด้ากับช้อปปี้เท่านั้น เดิมสัดส่วนยอดขายจากออนไลน์และโซเชียล 9% คาดว่าปีนี้จะเพิ่มเป็น 15%

ทั้งการทำตลาดหลายรูปแบบ เช่น การคอลลาบอเรชันกับแบรนด์อื่น เช่น เดือนเมษายนจะทำการคอลแลบกับแบรนด์สไมล์ลี่ และมีแผนที่จะขยายในกลุ่มเกมเมอร์ด้วย และการทำรุ่นลิมิเต็ดแบบดีไอวายกับศิลปินดังๆ เป็นต้น นอกนั้นก็จะมีคอลเลกชันใหม่ที่ชื่อว่า บาจาเทนนิส ที่เป็นรองเท้าที่นิยมของบาจาในอดีตแต่ได้เลิกผลิตและจำหน่ายไปนานแล้ว ซึ่งไทยเราจะนำกลับมาทำตลาดใหม่อีกโดยผลิตในไทย
 


นอกจากนั้นก็จะมีการปรับปรุงสาขาเดิมต่อเนื่องอีก 57 สาขาที่เหลือในปีนี้จากเดิมที่ปีที่แล้วปรับปรุงไป 87 สาขาแล้ว ให้เป็นโฉมใหม่ และวางสินค้าให้เป็นกลุ่มชัดเจนคือ รองเท้ายอดขายหลัก รองเท้าขายดี รองเท้าเทรนด์ และสินค้านวัตกรรม และนำระบบไอเอสเอส (ISS / in-store sales) เข้ามาให้บริการด้วย ซึ่งเป็นระบบที่ทดลองเมื่อ 5 เดือนที่ผ่านมา กับสาขาที่มียอดขายไม่มาก โดยเมื่อลูกค้ามาที่ร้านแต่ไม่มีสินค้าสีและแบบและเบอร์ที่ต้องการในสต๊อก ก็จะเช็กระบบว่ามีสาขาใดบ้างที่มีก็ให้สาขานั้นทำการส่งสินค้าให้ลูกค้าที่บ้าน ซึ่งถือว่าช่วยเพิ่มโอกาสในการขายได้มากเพราะส่วนใหญ่ร้านแบรนด์อื่นจะแค่ตรวจสอบว่ามีขายที่สาขาใดแล้วให้ลูกค้าไปซื้อสาขานั้น

ส่วนการขยายสาขาปีนี้ ขณะนี้มีแผนเปิดแน่นอนแล้ว 7 สาขา แต่อีก 4 สาขาขึ้นอยู่กับว่าได้ทำเลดีหรือไม่ จากปัจจุบันมีสาขารวม 230 สาขา โดยมีสาขาที่เรียกว่าคอนเซ็ปต์สโตร์ที่เป็นเหมือนสาขาสร้างแบรนด์ไม่ได้เน้นยอดขายมากนัก คือที่เยาวราชปรับปรุงแล้ว สาขาสาทรอยู่ระหว่างปรับปรุง และอีกสาขาคาดว่าจะเป็นที่สยามสแควร์วัน


ปัจจุบันสัดส่วนการขายของบาจาแยกเป็นแบรนด์ คือ บาจา 78%, เพาเวอร์ 11%, นอร์ธสตาร์ 6%, บับเบิลกัมเมอร์ 5% จากยอดขายรวมปีที่แล้วที่ทำได้ประมาณ 2,450 ล้านบาท เติบโต 1% ขณะที่ช่วงก่อนโควิดยอดขายรวมประมาณ 2,400 ล้านบาท

ในปีนี้บาจามีความมั่นใจว่าตลาดรองเท้าจะกลับมาฟื้นตัวเกือบเท่าช่วงก่อนโควิด ทำให้บาจาตัดสินใจเพิ่มงบการตลาดขึ้นเท่าตัว เพื่อเร่งขยายฐานลูกค้าจากเดิมขึ้นอีกเท่าตัว โดยมุ่งเน้นจับกลุ่มคนรุ่นใหม่มากขึ้นด้วยการนำสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของคนกลุ่มนี้เข้ามาเพิ่มเติม และเพิ่มช่องทางการสื่อสารไปสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่นี้มากขึ้น และปีนี้ตั้งเป้าหมายยอดขายรวมเติบโต 20%

“ช่วงปลายปีที่ผ่านมาเราจะได้เห็นอินเตอร์เนชันแนลแบรนด์หลายๆ แบรนด์เลือกประเทศไทยเป็นประเทศยุทธศาสตร์ในการขยายร้านค้าและแฟลกชิปสโตร์มากมาย สะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวและแนวโน้มการเติบโตของตลาดแฟชั่นในไทย โดยบาจาเองได้เปิดร้านใหม่เพิ่มเติม 12 สาขา รวมเป็น 230 สาขา และยังได้ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายออนไลน์เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าตัว ทั้งทาง www.bata.co.th รวมทั้งแพลตฟอร์มชอปปิ้งออนไลน์ชื่อดังอย่าง Lazada และ Shopee”


นางสาววิลาสินีกล่าวด้วยว่า ช่วงครึ่งหลังปี 2022 ตลาดรวมรองเท้าเริ่มกลับมาฟื้นตัวดีขึ้น เมื่อมีการผ่อนคลายจากมาตรการสถานการณ์โควิด-19 หลังจากที่ตลาดรวมรองเท้าได้รับผลกระทบมากว่า 2 ปี ส่งผลให้ตลาดรองเท้ามีการแข่งขันอย่างดุเดือด ซึ่งปีที่แล้วตลาดรวมรองเท้าเติบโตมากถึง 20% จากที่มีการคาดการณ์การเติบโตในช่วงแรกไว้ที่ 6%

ขณะที่ บาจากรุ๊ป มียอดขายรวมเติบโตมากถึง 75% มากกว่าตลาดรวม ซึ่งมาจากการที่เราทำตลาดเต็มที่และมีการปรับกลยุทธ์ต่างๆ รวมทั้งอานิสงส์ของการกลับมาเปิดเรียนตามปกติอีกครั้ง และคนทำงานกลับไปที่ทำงานมีการเดินทางออกจากบ้านทำให้ลูกค้ามีความต้องการรองเท้าดีขึ้นมาก นอกจากนี้ การทำแคมเปญรุกในช่วงครึ่งปีหลังทำให้เราเริ่มขยายฐานลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น ปีที่แล้วเรามีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นถึงกว่า 600,000 คน โดยลูกค้าใหม่ส่วนใหญ่เป็นวัยทำงาน และวัยคุณแม่ยังสาว

ทั้งนี้ เพื่อมุ่งไปสู่การเป็นแบรนด์รองเท้ารวมอันดับ 1 ภายใน 3 ปี บาจาดึง “เบลล่า-ราณี” เป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 และเปิดตัว Friend of Bata คู่ใหม่ “ซี-พฤกษ์ พานิช” และ “นุนิว ชวรินทร์ เพริศพิริยะวงศ์” พร้อมกับการเปิดตัวแคมเปญ “Surprisingly Bata CinderBella” เพื่อหวังเจาะกลุ่มลูกค้าให้หลากหลายมากขึ้น อีกทั้งยังมีการเผยโฉม BATA club เพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้แก่ลูกค้าเดิม ตลอดจนการทำ CRM เต็มรูปแบบในส่วนของสินค้า




กำลังโหลดความคิดเห็น