ผู้จัดการรายวัน 360 - แฟลช กรุ๊ป เดินหน้าลุยต่อปีนี้ คาดหวังบรรยากาศต่างๆ ดีขึ้นบ้างหลังปีที่แล้วเผชิญปัญหาอย่างหนัก ส่วนแผนเข้าตลาดหุ้นปีนี้ต้องเลื่อนไปก่อน มั่นใจเงินทุนไม่มีปัญหา ล่าสุดระดมทุนได้อีก 15,000 ล้านบาท
นายคมสันต์ ลี ประธานกรรมการบริหารกลุ่มธุรกิจแฟลช ประเทศไทย เปิดเผยว่า ในปี 2566 นี้ทางแฟลชกรุ๊ปยังคงวางกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจเพื่อรุกตลาดอย่างต่อเนื่องทั้งตลาดในประเทศไทย และตลาดต่างประเทศ
ส่วนแผนการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่เดิมวางไว้ในปี 2566 นี้คงต้องชะลอออกไปก่อน เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่เหมาะสมโดยเฉพาะปัญหาเรื่องโควิด-19 และภาวะเศรษฐกิจ คาดว่าจะเป็นปีหน้าจึงจะมีการพิจารณาใหม่อีกครั้ง รวมทั้งเป้าหมายเดิมบริษัทจะเติบโตไปถึงมูลค่าประมาณ 1 แสนล้านบาทได้นั้นคงจะยังไม่ถึงเช่นกัน ซึ่งปัจจุบันมูลค่าของบริษัทฯ มีประมาณ 70,000 ล้านบาทแล้ว ซึ่งสาเหตุหลักที่ยังไม่ตามเป้าหมายทั้งสองอย่างนั้นเนื่องจากว่าที่ผ่านมาเกิดสถานการณ์โควิด-19 ระบาดอย่างหนัก ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจในภาพรวมทั้งหมด อีกทั้งสถานการณ์ช่วงนี้ก็ยังไม่เหมาะสมที่จะเข้าตลาดหุ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทั้งสองเป้าหมายยังไม่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่กระทบต่อแผนการดำเนินงานโดยเฉพาะในเรื่องของเงินทุนได้ เพราะล่าสุดบริษัทฯ สามารถสรุปการเจรจาเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้วในการระดมทุนจากกลุ่มผู้ถือหุุ้นเดิมที่ยังคงสนับสนุนธุรกิจและระดมทุนได้เพิ่มอีก 15,000 ล้านบาท
แผนในประเทศไทย ในช่วงนี้หลังจากที่มีการขยาธุรกิจออกไปอย่างมาก จำเป็นที่จะต้องสร้างความพร้อมในเรื่องของบุคลากรอย่างมาก โดยเฉพาะในระดับผู้จัดการ ผู้บริหาร เพื่อรองรับธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันขาดแคลนอย่างมาก โดยรวมขณะนี้ทั้งระดับบริหารและระดับปฏิบัติการมีประมาณ 50,000 คนรวมใน 4 ประเทศ คือ ไทย ลาว ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย ซึ่งคาดว่าปีนี้จะสามารถเพิ่มเป็น 70,000 คนได้
นอกนั้นยังมีการขยายธุรกิจเอฟคอมเมิร์ซด้วยการสร้างอาคารใหม่เพื่อที่จะทำเป็นห้องไลฟ์สดขายสินค้าและบริการ ซึ่งแฟลชจะเป็นตัวกลางให้แก่เจ้าของสินค้าบริการ แบรนด์ ทั้งรายใหญ่รายเล็ก กับผู้ไลฟ์ขายสินค้า เช่น อินฟลูเอนเซอร์ ดารา ผู้ที่มีชื่อเสียง แล้วก็ทำการแบ่งรายได้เป็นเปอร์เซ็นต์ตามที่ตกลงกัน ซึ่งปัจจุบันแฟลชกรุ๊ปเป็นพันธมิตรระดับโลกกับแพลตฟอร์มติ๊กต็อกในการไลฟ์สดขายสินค้าโดยได้สิทธิ์บริการของติ๊กต็อกทั้งหมด เพียงไม่กี่รายในโลกนี้ที่ได้สิทธิ์ โดยคาดว่ามูลค่าการซื้อขายผ่านเอฟคอมเมิร์ซของแฟลชปีนี้อยู่ที่ 4,000 ล้านบาท จากปีที่แล้วที่มีมูลค่า 400 ล้านบาท
รวมทั้งการร่วมมือกับพันธมิตรอย่างกลุ่มเอสซีแอสเซทในการขยายเรื่องคลังสินค้า 1 ล้านตารางเมตร การอัปเกรดคลังสินค้าเดิมที่มีอยู่กว่า 40 แห่งให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยการรีโนเวต การลงทุนทางด้านยานยนต์ขนส่ง ส่วนธุรกิจขนส่งที่ร่วมมือกับทางเจดับบลิวดีและไปรษณีย์ไทย คาดว่าปีนี้จะเดินหน้าได้เต็มที่และบริการได้ครอบคลุมทั่วประเทศ
ทั้งนี้ มองว่าปีนี้สถานการณ์โดยรวมน่าจะดีขึ้นกว่าปีที่แล้ว กำลังซื้อของผู้บริโภคน่าจะกระเตื้องขึ้น มีการเปิดประเทศนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้นกระตุ้นการจับจ่ายอย่างมาก สงครามรัสเซียกับยูเครนน่าจะเบาบางลง
ส่วนต่างประเทศปีนี้คาดว่าจะขยายเพิ่มอีก 1 ประเทศ พิจารณาระหว่างสิงคโปร์ กับเวียดนาม และการหาพันธมิตรเพิ่มในต่างประเทศ จากปีที่แล้วที่กล่าวได้ว่าธุรกิจอยู่ในสภาพที่เผชิญปัญหาอย่างหนักในภาพรวมทั้งระบบ คือ ธุรกิจอีคอมเมิร์ซโตจริงแต่ไม่ได้โตมากเพราะไปโตมากจากปีก่อนหน้านี้แล้ว โควิด-19 ระบาด คลังสินค้าต้องปิดบริการ พนักงานติดโควิด ต้องจ้างพนักงานพิเศษเพิ่ม ส่งผลต้นทุนเพิ่มสองเท่า ค่าน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมากโดยมีค่าพลังงานมากกว่า 400 ล้านบาทต่อเดือน สงครามรัสเซียกับยูเครนที่ยืดเยื้อ แต่ยังโชคดีที่ได้ธุรกิจที่ขยายต่างประเทศมีการเติบโตดีพอสมควร เช่น มาเลเซียบริการโลจิสติกส์ได้ครบ 100% แล้ว ขึ้นเป็นท็อป 3 สิ้นปีนี้ชัดเจน หรือแม้แต่ที่ฟิลิปปินส์ บริการได้ 90% แล้ว คาดว่าสิ้นปีนี้ขึ้นเป็นท็อป 2
นายคมสันต์กล่าวว่า คาดว่าผลประกอบการของปี 2565 ขาดทุนแน่นอน จากปัญหาดังกล่าว จากที่ปี 2564 มีรายได้รวม 17,600 ล้านบาท กำไรเล็กน้อย