ผู้จัดการรายวัน 360 - มินเทล เผยแพร่รายงานภาพรวมตลาดความงามและการดูแลร่างกายในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ครอบคลุมถึงแนวโน้มผู้บริโภคและการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมความงามในภูมิภาคในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา รวมถึงช่วงก่อนหน้านั้นอีกด้วย
ผู้บริโภคในปัจจุบันให้ความสำคัญต่อสุขภาพมากขึ้น และนี่เป็นปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญให้ผู้บริโภคหันมาใช้แนวทางเชิงรุกในการดูแลความเป็นอยู่ที่ดีของตนเองในช่วงที่ผลกระทบของการระบาดใหญ่ยังคงอยู่ ในขณะเดียวกัน ผู้บริโภคได้ตระหนักว่าสุขภาพที่ดีจะเป็นไปไม่ได้เลยหากเราอยู่ในโลกที่ถูกทำร้าย
Chiara Zen ผู้อำนวยการข้อมูลเชิงลึก แผนกความงาม ผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย และของใช้ในบ้านของมินเทลประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก กล่าวถึงผลกระทบของการผสมผสานกันอย่างรวดเร็วของความงาม สุขภาพ และความยั่งยืน ที่แบรนด์ต่างๆ พบเจอ ผ่านการวิจัยและการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกโดยผู้เชี่ยวชาญของมินเทลในประเทศจีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และประเทศไทย
*** ใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ไร้น้ำ
“ผู้คนกำลังเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเองให้มีความรับผิดชอบมากขึ้น เนื่องจากพวกเขาตระหนักว่าสภาพแวดล้อมนั้นส่งผลต่อสุขภาพของมนุษย์ รูปแบบผลิตภัณฑ์ไร้น้ำ (waterless format) มอบโอกาสให้แบรนด์นำเสนอตัวเลือกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า แต่แบรนด์ยังจำเป็นต้องสร้างความสมดุลระหว่างคุณสมบัติการดูแลผิวกาย (เช่น ความเข้มข้นของส่วนผสมออกฤทธิ์ดูแลผิว) และความปลอดภัย (เช่น การไม่ใช้วัตถุกันเสีย) โดยพยายามมอบประสบการณ์อันน่าพึงพอใจให้ได้มากที่สุด
*** ปรับปรุงระบบนิเวศผิวกายและการทำงานตามธรรมชาติ
ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าได้พยายามตอบโจทย์ความกังวลของผู้บริโภคต่อสิ่งกระตุ้นภายนอกเช่นมลพิษ และได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีสรรพคุณ ‘ช่วยต้าน’ มลพิษได้มาเป็นเวลาหลายปี และในช่วงที่ผ่านมาแบรนด์มีการนำเสนอคุณสมบัติอื่นๆ ที่มุ่งสนับสนุนเกราะป้องกันของผิวมากขึ้น
ข้อมูลแนวโน้มด้านความอยู่ดีมีสุขของมินเทลพบว่าผู้บริโภคมองว่าร่างกายของตัวเองเป็นระบบนิเวศ และเสาะหาผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยปรับปรุงสุขภาพของพวกเขา
เราเห็นการเพิ่มขึ้นของนวัตกรรมที่มอบวิธีการในการช่วยให้ผิวทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด หรือเปลี่ยนจากการ ‘ช่วยต้าน’ เป็นการปรับปรุงเกราะป้องกันของผิว
ส่วนประกอบเช่นโปรไบโอติกหรือพรีไบโอติกกำลังได้รับความนิยมมากขึ้น ข้อมูลจากฐานข้อมูลผลิตภัณฑ์ออกใหม่ของมินเทลพบว่าการนำเสนอการบำรุงไมโครไบโอมหรือระบบนิเวศของผิวนั้นยังคงเป็นเรื่องเฉพาะกลุ่ม โดยมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 5 ของผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าทั้งหมดที่เปิดตัวระหว่างเดือนมกราคม 2561 ถึงเดือนพฤศจิกายน 2565 แต่สัดส่วนนี้ก็กำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“โอกาสสำคัญในการเพิ่มความเข้าใจเกี่ยวกับไมโครไบโอมจะอยู่ที่การบำรุงและปรับสมดุลเกราะป้องกันของผิวและช่วยแก้ปัญหาผิวทั่วไปเช่นสิวเสี้ยน ผสมฟังก์ชันในผลิตภัณฑ์ความงาม กลายเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้บริโภคเชื่อในคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์ และเราสามารถใช้แนวคิดนี้ในการทำให้ผู้บริโภคคุ้นเคยกับแบคทีเรียดี แบคทีเรียเลว และความสำคัญของสมดุลไมโครไบโอมบนผิวซึ่งเป็นพื้นฐานของผิวไร้สิว
*** พัฒนาส่วนผสมเพื่อประสิทธิภาพและความยั่งยืน
เทรนด์ความงามและผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย “สรรค์สร้างธรรมชาติ” ของมินเทล ชี้ให้เห็นถึงแนวคิดเกี่ยวกับส่วนผสมความงามจากธรรมชาติที่ครอบคลุมถึงการพัฒนาเทคโนโลยี ในโลกอนาคตที่มีทรัพยากรธรรมชาติน้อยลง สภาพอากาศที่คาดเดาไม่ได้ มลพิษและยาฆ่าแมลงที่เพิ่มขึ้น วิศวกรรมห้องปฏิบัติการจะเป็นตัวเลือกสำคัญในการจัดหาส่วนประกอบที่ยั่งยืน ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ ตัวอย่างที่จัดการกับปัญหาสำคัญในเอเชีย-แปซิฟิกนั้นมาจาก C16 Biosciences พวกเขาได้พัฒนาเทคโนโลยีการหมักชีวภาพเพื่อเสนอทางเลือกของน้ำมันปาล์มที่ผลิตขึ้นในห้องแล็บ ซึ่งเป็นตัวเลือกที่มีความยั่งยืน ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการผลิตน้ำมันปาล์ม และช่วยปกป้องผืนดินธรรมชาติ สัตว์ป่า และทรัพยากรอันล้ำค่าในเวลาเดียวกัน
*** มินเทลเผยเทรนด์ความงามและผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายประจำปี 2566
มินเทล ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิจัยความต้องการของผู้บริโภค และปัจจัยขับเคลื่อน ได้เผยแพร่เทรนด์ผู้บริโภคสำคัญ 3 ประการที่จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมความงาม และผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายในปี 2566 และอีก 5 ปีนับจากนี้
● เภสัชกรรมความงาม: การแพทย์ด้านความงามกำลังเปลี่ยนแปลงไปสู่การเรียกร้องการพิสูจน์คำกล่าวอ้างสรรพคุณ สร้างมูลค่าผ่านผลิตภัณฑ์ที่ให้ความสำคัญต่อส่วนผสม และผลักดันตลาดความงามให้ใช้ส่วนผสมธรรมชาติที่ได้จากการสังเคราะห์
● ขั้นกว่าของการดูแลร่างกาย:
จุดประสงค์ของความงามคือการทำให้คนรู้สึกดีกว่าเดิม และยังช่วยส่งเสริมความคิดด้านการดูแลร่างกายในช่วงหลังการระบาดใหญ่ ซึ่งครอบคลุมถึงสุขภาวะทางเพศ สมดุลฮอร์โมน และความอยู่ดีมีสุขของผู้คนทุกวัย
● ยุคใหม่ของการมีส่วนร่วม: แบรนด์ควรยอมรับสภาวะการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในแวดวงความงามเพื่อสร้างกฎระเบียบใหม่สำหรับการมีส่วนร่วมและการสร้างชุมชน ที่ผลักดันการเล่นสนุก การทดลอง และการสร้างสรรค์ด้วยตัวเอง
KinShen Chan นักวิเคราะห์อาวุโสด้านความงามและผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกของมินเทลเปิดเผยเทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภค นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ และกลยุทธ์ทางการตลาด ที่จะเปลี่ยนอนาคตของอุตสาหกรรมความงาม
เภสัชกรรมความงาม
“เมื่อความต้องการผลิตภัณฑ์และบริการที่มีประสิทธิภาพและคุณภาพเพิ่มมากขึ้น ผู้บริโภคจะมองหาวิธีพิสูจน์ว่าสิ่งที่ได้รับนั้นคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปหรือไม่ โอกาสในการพัฒนาของแบรนด์อาจเกิดจากการศึกษาลำดับพันธุกรรมและพัฒนาความก้าวหน้าของเครื่องมือวิเคราะห์และอุปกรณ์สวมใส่ เราจะได้เห็นโอกาสใหญ่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมน การวิเคราะห์ความเสี่ยงทางสุขภาพ การพิมพ์ 3 มิติ วิตามินและอาหารเสริมเฉพาะบุคคล และการตัดต่อยีน ในขณะเดียวกัน เทคโนโลยีชีววิทยาสังเคราะห์ได้พัฒนาจนใช้งานได้จริงและช่วยเพิ่มแนวทางในการสร้างสิ่งของต่างๆ ได้เกือบทุกสิ่งอย่างยั่งยืนและมีความสามารถในการแข่งขัน อุตสาหกรรมความงามจำเป็นต้องศึกษาการใช้งานเทคโนโลยีชีววิทยาสังเคราะห์เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และการทำงานใหม่ๆ ปรับปรุงของเดิม และลดต้นทุนในการคงความสามารถในการแข่งขันในอนาคต”
*** ขั้นกว่าของการดูแลร่างกาย
“ผู้บริโภคในปัจจุบันใช้เวลาน้อยลงในการทำกิจวัตรเกี่ยวกับสุขภาพ เมื่อพวกเขาเผชิญกับความเครียดและความวุ่นวาย พวกเขาจะหาทางทำให้อารมณ์ดีขึ้น และผลิตภัณฑ์ความงามก็เป็นหมวดหมู่ที่เหมาะสมอย่างมาก ไม่ว่าแบรนด์และผู้ค้าปลีกจะใช้วิธีใดในการเข้าหาผู้บริโภค พวกเขาต้องทำให้แน่ใจว่าผู้บริโภคทุกคนรู้สึกว่าแบรนด์มองเห็นและสื่อสารกับพวกเขา ในอนาคตข้างหน้า ชุมชนจะมีความสำคัญมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในยุคหลังการระบาด เพราะผู้คนต่างพยายามเชื่อมโยงกับคนรอบข้างเพื่อกลายเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม สุขภาพรายบุคคลจะไม่มีประสิทธิภาพอีกต่อไป และแนวคิดเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพของชุมชนจะได้รับความนิยมมากขึ้น โดยที่สมาชิกในชุมชนได้ตระหนักถึงความสำคัญของการช่วยผู้อื่นเพื่อทำให้ทุกคนรู้สึกดีและมีชีวิตที่ดีขึ้น ในอนาคตคาดว่าบริษัทความงามระดับโลกจะมุ่งเน้นด้านพฤติกรรมและผลิตภัณฑ์แบบองค์รวมที่ให้การสนับสนุนในประเด็นเกี่ยวกับสุขภาพ ทั้งการนอนหลับ การไหลเวียนโลหิต ไปจนถึงการเชื่อมโยงกับความงาม”
*** ยุคใหม่ของการมีส่วนร่วม
“การทดลองสิ่งใหม่จะขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมกับแบรนด์และเทคโนโลยีที่มอบประสบการณ์รูปแบบใหม่ไม่ว่าจะที่ร้านค้าหรือที่บ้าน โลกออนไลน์และออฟไลน์กำลังควบรวมกันอย่างต่อเนื่อง เทคโนโลยีจะช่วยให้เราสามารถจำลองประสบการณ์ในช่องทางต่างๆ อย่างง่ายดาย ทั้งจากการใช้การระบุเอกลักษณ์ด้วยคลื่นวิทยุ หรือ RFID (radio-frequency identification) การใช้อวตารดิจิทัล และเมตาเวิร์ส ในอนาคตข้างหน้า การพัฒนาเทคโนโลยี VR (การจำลองสภาพแวดล้อมเสมือนจริง) รวมถึงฮาร์ดแวร์และคอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องจะทำให้ใช้ง่ายขึ้น และสามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันของผู้บริโภคได้ แบรนด์สามารถใช้เทคโนโลยี VR ในการสร้างประสบการณ์ผ่านการผสมผสานระหว่างโลกเสมือนกับโลกจริง (Phygital) ซึ่งกลายเป็นวิธีหลักที่ผู้บริโภคใช้เพื่อค้นพบสิ่งใหม่ จับจ่ายใช้สอย และเชื่อมโยงกับแบรนด์”