ผู้จัดการรายวัน 360 - สวีท มีท (ประเทศไทย) รุกต่อเนื่องหลังเปิดตัวน้ำมันพืช “เพลิน” ล่าสุดเปิดแผนการตลาดปี 66 รุกตลาดกลุ่มบีทูบี สานสัมพันธ์ดิสทริบิวเตอร์เดิม เร่งเปิดเพิ่มดิสทริบิวเตอร์ใหม่ รวมถึงกลุ่มตัวแทน ร้านขายส่ง ยี่ปั๊ว ห้างสรรพสินค้าที่มีศักยภาพ เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ พร้อมตั้งทีมขายพิเศษบุกกลุ่มโฮเรกา โรงแรม ร้านอาหาร ธุรกิจจัดเลี้ยง หลังภาคธุรกิจท่องเที่ยวโรงแรมฟื้นดันธุรกิจต่อเนื่องฟื้นตาม คาดเป้ารายได้ปี 66 กวาดรายได้ 3,000 ล้านบาท
นายเอกภัท เตมียเวส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มธุรกิจ เตมียเวส กรุ๊ป และประธานกรรมการ บริษัท สวีท มีท (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงแผนการตลาดปี 2566 ว่า ในปีนี้น้ำมันพืช “เพลิน” มีความพร้อมในการรุกตลาดอย่างเต็มตัวมากขึ้น หลังจาก 5 ปีที่ผ่านมามุ่งให้ความสำคัญต่อการพัฒนาโรงงาน กระบวนการผลิตและผลิตภัณฑ์ โดยลงทุนในส่วนนี้ไปกว่า 100 ล้านบาท ทำให้วันนี้น้ำมันพืช “เพลิน” มีกำลังการผลิตสูงถึง 7,200,000 ขวดต่อเดือน สำหรับขวดไซส์ 1 ลิตร นับว่าเพียงพอต่อทั้งตลาดในประเทศ และต่างประเทศ
ส่วนความกังวลเรื่องความต้องการน้ำมันในการบริโภคที่เพิ่มสูงขึ้นจนซัปพลายน้ำมันที่ใช้ในการผลิตจะไม่เพียงพอนั้น ขอให้มั่นใจว่าจะไม่เกิดปัญหาการขาดช่วงการผลิตอย่างแน่นอน เพราะเรามีการประเมินตลาดและจัดเตรียมน้ำมันสำรองไว้สำหรับการผลิตอย่างเพียงพอ โดยน้ำมันปาล์มและน้ำมันรำข้าวจะมาจากแหล่งผลิตภายในประเทศ ส่วนน้ำมันถั่วเหลืองและน้ำมันดอกทานตะวันจะนำเข้ามาจากต่างประเทศ ซึ่งทั้งหมดมีการทำสัญญาไว้ล่วงหน้าตลอดทั้งปีไว้หมดแล้ว
ดังนั้น ในปีนี้จึงเป็นปีสำคัญที่น้ำมันพืช “เพลิน” จะเดินหน้าในด้านการสร้างแบรนด์และการตลาดอย่างเต็มที่ ซึ่งกลุ่มเป้าหมายหลักจะเป็นกลุ่มบีทูบีก่อน โดยรักษาและสานสัมพันธ์อันดีกับกลุ่มดิสทริบิวเตอร์ (Distributor) เดิม พร้อมจับมือกับดิสทริบิวเตอร์รายใหม่ๆ รวมถึงตัวแทน ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าส่งหรือยี่ปั๊วที่มีศักยภาพ เพื่อช่วยในการกระจายสินค้าให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศมากขึ้น โดยจะมีการสนับสนุนทั้งด้านการขาย กิจกรรมการตลาดและโปรโมชัน ในการช่วยขับเคลื่อนให้แบรนด์น้ำมันพืช “เพลิน” เป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้บริโภคและสร้างให้เกิดการทดลองใช้มากขึ้น
นอกจากนั้นยังมีการจัดตั้งทีมขายเพื่อรุกตลาดกลุ่มโฮเรกา (Horeca) ทั้งโรงแรม ร้านอาหารและธุรกิจจัดเลี้ยงขึ้นโดยเฉพาะ เนื่องจากตลาดกลุ่มนี้มีความต้องการน้ำมันคุณภาพและมีปริมาณการใช้น้ำมันเพื่อประกอบอาหารจำนวนมาก ซึ่งได้รับอานิสงส์จากการท่องเที่ยวที่กำลังฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว จากแผนการตลาดและการขายที่วางไว้ทำให้คาดว่าสัดส่วนลูกค้าของน้ำมันพืช “เพลิน” ในปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 60% แบ่งเป็นกลุ่มบีทูบี (B2B) 40% และโฮเรกา 20% และตลาดส่งออกต่างประเทศประมาณ 40% เมื่อรวมกันแล้วคาดว่าจะสร้างยอดขายได้สูงถึง 3,000 ล้านบาท ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน
ด้านเชฟ อำนาจ เชาวน์วันกลาง หัวหน้าแผนกครัวจีน โรงแรมสวิสโฮเต็ล กรุงเทพฯ รัชดาภิเษก หนึ่งในลูกค้ากลุ่มโฮเรกาของน้ำมันพืช “เพลิน” กล่าวถึงการเลือกน้ำมันพืชที่ดีสำหรับนำมาใช้ประกอบอาหารว่า ต้องมีลักษณะของน้ำมันที่มีความเหลืองใส ไม่มีฝุ่นผง ไม่มีไขมันจับตัวเป็นก้อน มีความสดใหม่ ซึ่งจะช่วยทำให้อาหารมีคุณภาพดีและรสชาติดี น้ำมันทุกตัวที่ทางโรงแรมเลือกใช้เป็นน้ำมันพืช “เพลิน” โดยน้ำมันถั่วเหลืองมีไว้สำหรับทำอาหารประเภทผัด ส่วนน้ำมันปาล์มจะใช้ทำอาหารชนิดทอด และน้ำมันสกัดเย็นอย่างน้ำมันดอกทานตะวันจะใช้สำหรับทำสลัด
ทั้งนี้ งานด้านอาหารสำหรับธุรกิจโรงแรมนับว่ามีความสำคัญอย่างมาก และในส่วนนี้ถือเป็นจุดแข็งสำคัญของโรงแรมสวิสโฮเต็ลเลยก็ว่าได้ แต่ละวันเราต้องเตรียมอาหารสำหรับรองรับแขกที่เข้ามาใช้บริการกว่า 1,000 คน เป็นอาหารหลักที่ให้บริการครบทั้งอาหารฝรั่ง ไทย จีน ญี่ปุ่น อินเดีย โดยให้บริการทั้งในส่วนของการจัดเลี้ยง อาหารสำหรับงานประชุมสัมมนาและแขกที่มาพักในโรงแรม ที่ตอนนี้เริ่มมีนักท่องเที่ยวกลับเข้ามาพักมากขึ้นถึง 60-70% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นมากกว่านี้ตลอดปี 2566