ผู้จัดการรายวัน360 -เจโทรแถลงผลสำรวจร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยปี 2565พบมีจำนวน 5,325 ร้าน เพิ่มขึ้น 955 ร้านจากปีที่แล้ว โดยมีจำนวนเพิ่มมากที่สุดตั้งแต่เริ่มการสำรวจร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทย
องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร กรุงเทพฯ) ได้แถลงผลสำรวจร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทย ประจำปี 2565 โดยนายจุน คุโรดะ ประธานเจโทร กรุงเทพฯ กล่าวว่า “ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ทราบว่า มีร้านอาหารญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นทั่วประเทศไทย ทำให้ผู้บริโภคชาวไทยมีโอกาสได้รับประทานอาหารญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น ผมหวังว่าการที่มีร้านอาหารญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้นจะทำให้มีจำนวนคนที่ชื่นชอบอาหารญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ยอดขายของร้านอาหารญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น และทำให้ปริมาณการนำเข้าวัตถุดิบสินค้าอาหารญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นมากตามไปด้วย เจโทรฯ มุ่งมั่นที่จะดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อส่งเสริมให้อาหารญี่ปุ่นได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางต่อไป และส่งเสริมการนำเข้าสินค้าเกษตรและอาหารจากญี่ปุ่นมายังประเทศไทยให้มีมากขึ้น”
ร้านอาหารญี่ปุ่นทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น955ร้าน ซึ่งเป็นจำนวนมากที่สุดตั้งแต่เริ่มมีการสำรวจ
ในปี 2565 ร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยมีจำนวน 5,325 ร้าน เพิ่มขึ้นจาก 4,370 ร้านในปี 2564 โดยมีจำนวนร้านอาหารญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 955 ร้าน คิดเป็น 21.9 % เป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปี2550ที่เริ่มทำการสำรวจ ซึ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัด โดยเฉพาะจำนวนร้านอาหารในปริมณฑล 5 จังหวัด (นครปฐม, นนทบุรี, ปทุมธานี, สมุทรปราการ, สมุทรสาคร)มีจำนวนร้านอาหารญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 25.2% และต่างจังหวัด 28.5%
ทั้งนี้ ยังพบว่ามีร้านอาหารญี่ปุ่นเปิดดำเนินกิจการอยู่ในทุกจังหวัดของประเทศไทยต่อเนื่องจากปี 2563 และปี 2564 โดยมีจำนวนร้านอาหารญี่ปุ่นหนาแน่นในกรุงเทพฯ ปริมณฑล เมืองท่องเที่ยว และเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด
ร้านอาหารญี่ปุ่นเปิดใหม่ 1,404 ร้าน โดยเฉพาะประเภทร้านซูชิ ภัตตาคารอาหารญี่ปุ่น และร้านราเมงมีจำนวนเพิ่มขึ้น
ในปี2565 มีจำนวนร้านอาหารญี่ปุ่นเปิดใหม่ 1,404ร้าน โดยเฉพาะประเภทร้านซูชิเพิ่มขึ้น 448ร้าน ภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 263ร้าน และร้านราเมงเพิ่มขึ้น185ร้าน
ทั้งนี้ จากการสำรวจเมื่อปีที่แล้วพบว่า มีร้านที่ปิดกิจการชั่วคราวจากสถานการณ์แพร่ระบาดของCOVID-19 จำนวน 231 ร้าน ในปี2565 บางร้านได้กลับมาเปิดให้บริการและบางร้านปิดกิจการถาวร ทำให้จำนวนร้านที่ปิดกิจการชั่วคราว ลดลงเหลือ 105 ร้าน
จำนวนลูกค้าและยอดขายฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว แต่ยังไม่ฟื้นตัวถึงระดับช่วงก่อนการแพร่ระบาดของCOVID-19
จากการสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องกับธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น หลายท่านให้ความเห็นว่า ยอดขายของร้านอาหารญี่ปุ่นฟื้นตัวขึ้น 70%-90% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนการแพร่ระบาดของCOVID-19 โดยสาเหตุที่ยังไม่ฟื้นตัวจนสู่ภาวะปกติได้นั้น ได้แก่ ราคาวัตถุดิบที่พุ่งสูงขึ้น, การชะลอตัวในการฟื้นตัวด้านต่างๆ เช่น การรับประทานอาหารร่วมกัน, การจัดงานเลี้ยง รวมถึงการชะลอตัวในการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ นอกจากนี้ หลายท่านยังมีความเห็นว่า การสั่งอาหารแบบ Food delivery ที่นิยมขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงของการแพร่ระบาดของCOVID-19 จะยังคงมีการใช้บริการต่อไปแม้ว่าการขยายตัวของการใช้บริการจะชะลอตัวลง
อาหารญี่ปุ่นเป็นที่รู้จักแพร่หลายยิ่งขึ้น
ผู้เกี่ยวข้องกับธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นให้ความเห็นว่า คนรุ่นใหม่ในปัจจุบันคุ้นเคยกับอาหารญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก คาดว่าในอนาคต ร้านอาหารญี่ปุ่นในพื้นที่ต่างจังหวัดจะแพร่หลายมากขึ้น และความหลากหลายของช่วงระดับราคา จะทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงอาหารญี่ปุ่นในรูปแบบต่างๆได้หลากหลายยิ่งขึ้นเช่นกัน
จำนวนร้านอาหารญี่ปุ่นที่เพิ่มมากขึ้นส่งผลให้การนำเข้าวัตถุดิบอาหารจากญี่ปุ่นมีเพิ่มมากขึ้น
ร้านอาหารญี่ปุ่นถือว่ามีความสำคัญสำหรับการเผยแพร่วัฒนธรรมอาหารของญี่ปุ่นสู่ทั่วโลก และเป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันการส่งออกสินค้าเกษตร ป่าไม้ ประมง และอาหารของประเทศญี่ปุ่น ในปีงบประมาณ2565 เจโทร กรุงเทพฯได้จัดแคมเปญ“Made in JAPAN วัตถุดิบญี่ปุ่นแท้ ส่งต่อความรัก ด้วยความอร่อย” ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2565 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566 มีจุดประสงค์เพื่อประชาสัมพันธ์เสน่ห์ของสินค้าอาหารนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ร่วมกับร้านอาหาร236 ร้านทั่วประเทศไทย ซึ่งมี 86 ร้านอยู่ในต่างจังหวัด โดยเป็นการจัดแคมเปญประชาสัมพันธ์ที่สอดคล้องกับการสำรวจร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยที่พบว่ามีร้านอาหารญี่ปุ่นกรุงเทพฯได้จัดกิจกรรมในต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น วัตถุดิบหลักในแคมเปญนี้ คือ เนื้อวัว อาหารทะเล และวัตถุดิบอาหารที่คนไทยยังไม่ค่อยรู้จัก เช่น เนื้อหมูจากประเทศญี่ปุ่น ปลาบุริ ปลาซันมะ เป็นต้น
นอกจากนี้ เจโทร กรุงเทพฯได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการเจรจาธุกิจระหว่างผู้ประกอบการไทยและผู้ประกอบการญี่ปุ่นมาโดยตลอด ตัวอย่างเช่น จัดบูธ JAPAN PAVILION ภายในงาน THAIFEX2022 ซึ่งเป็นนิทรรศการสินค้าอาหารที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีมูลค่าประมาณการซื้อขายสูงถึง1,900ล้านเยน (ประมาณ493ล้านบาท) และจัดงาน JETRO Online Business Matching & Exhibition of Japanese Food Products 2022โดยมีมูลค่าประมาณการซื้อขาย 800ล้านเยน(ประมาณ207ล้านบาท)