กรมรางหารือ MLIT-JICA เร่งสรุปการศึกษาความเหมาะสมด้านเศรษฐกิจและการเงินรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ใน มี.ค. 2566 และขอให้ศึกษาผลตอบแทนทางเศรษฐกิจจากการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีเพิ่มเติมด้วย
วันที่ 14 ธ.ค. 2565 นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เป็นประธานการประชุมหารือด้านเทคนิคโครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ โดยมีผู้แทนสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และผู้แทนจากฝ่ายญี่ปุ่น ประกอบด้วย ผู้แทนจากกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐานการขนส่งและการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น (MLIT) Japan Railway Construction, Transport and Technology Agency (JRTT) องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JICA) และสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เพื่อร่วมกันพิจารณารายงานฉบับกลางของการศึกษาความเหมาะสมด้านเศรษฐกิจและการเงินของโครงการ
นายพิเชฐกล่าวว่า ฝ่ายญี่ปุ่นได้รายงานความเป็นมา วัตถุประสงค์ และการวิเคราะห์ทางการเงิน นับตั้งแต่องค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น หรือ JICA ได้ศึกษาความเหมาะสมของโครงการ (Feasibility Study : FS) ในปี พ.ศ. 2560 เกี่ยวกับการเพิ่มประสิทธิภาพโครงการ การลดต้นทุน และการประเมินความต้องการเดินทางอีกครั้ง โดยการวิเคราะห์ทางการเงินจะจัดทำขึ้นเพื่อศึกษาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลง ด้วยรูปแบบที่หลากหลาย และใช้สมมติฐานที่เปลี่ยนไป
รวมถึงความก้าวหน้าของการวิเคราะห์ด้านเศรษฐกิจ ซึ่งได้มีการรวบรวมข้อมูลพื้นฐานสำหรับการวิเคราะห์ ประกอบด้วยค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุทางจราจรที่ใช้ในการศึกษาที่ผ่านมา และการทบทวนผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ โดยฝ่ายญี่ปุ่นจะดำเนินการแล้วเสร็จในเดือนธันวาคม 2565 ซึ่งผลกระทบของการลดการปล่อย CO2 จะถูกนำมารวมอยู่ในผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ
โดยฝ่ายญี่ปุ่นนำเสนอกรอบระยะเวลาการศึกษาความเหมาะสมด้านเศรษฐกิจและการเงิน โดยจะดำเนินการแล้วเสร็จในเดือนมีนาคม 2566
ทั้งนี้ กรมรางได้เสนอให้ฝ่ายญี่ปุ่นพิจารณาศึกษาการคาดการณ์ผลตอบแทนเศรษฐกิจเชิงกว้าง (Wider Economic Benefits) จากการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีรถไฟความเร็วสูง โดยนำกรณีศึกษาการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีในประเทศญี่ปุ่นมาเป็นแนวทางดำเนินการ เช่น กรณีการพัฒนาพื้นที่บริเวณสถานีมินาโตะมิไร เมืองโยโกฮามา ซึ่งเป็นสถานีที่รถไฟความเร็วสูงวิ่งผ่าน โดยบริเวณสถานีมีการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ นำมาซึ่งการพัฒนาเพื่อส่งเสริมการคมนาคมขนส่งและการท่องเที่ยวที่นำไปสู่การพัฒนาเมืองใหม่ มาใช้ในการศึกษาความเหมาะสมด้านเศรษฐกิจและการเงินเพื่อเพิ่มความเหมาะสมของโครงการต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เบื้องต้นแบ่งเป็น 2 ระยะ ได้แก่ 1. เส้นทางกรุงเทพฯ-พิษณุโลก ระยะทาง 380 กม. วงเงินลงทุนประมาณ 2.12 แสนล้านบาท
2. เส้นทางพิษณุโลก-เชียงใหม่ ระยะทาง 288 กม. วงเงินลงทุนประมาณ 2.32 แสนล้านบาท โดยกระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างศึกษาสรุปรูปแบบการลงทุน