IRPC เดินหน้าไม่หยุดยั้งเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ทุ่มงบลงทุนระยะยาว 5 ปี 36,000 ล้าน ทำธุรกิจปัจจุบันให้แข็งแกร่ง พร้อมขยายสู่ New S-Curve ปักหมุดปี 2030 ตัวเลข EBITDA แตะ 35,000 ล้าน ตั้งเป้าก้าวสู่บริษัทนวัตกรรมวัสดุและพลังงานยั่งยืน และเป็นองค์กร Net Zero ภายในปี 2060
กางแผนธุรกิจออกมาได้น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว สำหรับ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC ที่มาพร้อมกับแผนระยะยาว 5 ปี (ค.ศ. 2023-2027) ซึ่งนอกจากจะเน้นสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจปัจจุบันแล้ว ยังพร้อมแสวงหาโอกาสในธุรกิจใหม่ๆ ที่เป็น New S-Curve โดยจะผลักดันให้บริษัทฯ เติบโตได้ตามวิสัยทัศน์และพันธกิจใหม่ เพื่อก้าวไปสู่การเป็นบริษัทนวัตกรรมวัสดุและพลังงานอย่างยั่งยืน (Material and Energy Solutions)
สิ่งที่น่าสนใจมากๆ ก็คือ เป้าหมายทางด้านตัวเลขของการดำเนินธุรกิจ ซึ่ง IRPC พร้อมจะทุ่มงบลงทุนรวมกว่า 36,000 ล้านบาท โดยคาดหมายกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBITDA) ไว้ที่ 25,000 ล้านบาท ในปี 2025 และเพิ่มเป็น 35,000 ล้านบาท ในปี 2030
จากการเปิดเผยข้อมูลโดย นายกฤษณ์ อิ่มแสง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC ระบุว่า บริษัทฯ จะพุ่งเป้าการเติบโตทางธุรกิจด้วยการเน้นต่อยอดจากความแข็งแกร่งของฐานธุรกิจปัจจุบัน (Existing Stream) และเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจใหม่ (New Stream) โดยมี 5 กลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตสูง และ IRPC พร้อมจะเข้าไปลงทุน ได้แก่ Health and Life Science, Advanced Material, Circular Business, Future Energy และ Energy Storage
ทั้งนี้ ในปีหน้า 2023 IRPC จะเพิ่มสัดส่วนการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกเกรดพิเศษ (Specialty Product) เป็น 33% โดยการลงทุนในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Smart Material ที่สอดคล้องกับทิศทางของโลก เช่น การแพทย์และการดูแลสุขภาพ (Health and Wellness) ที่มีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินชีวิตวิถีใหม่ของผู้คนปัจจุบัน
โดย IRPC ได้วางแผนลงทุนโครงการขยายการผลิตเม็ดพลาสติกพีพี สปันบอนด์ (PP Spunbond) 200,000 ตันต่อปี และขยายการลงทุนโครงการพีพี เมลต์โบลน (PP Meltblown) 40,000 ตันต่อปี เพื่อรับกระแสการดูแลสุขภาพ รวมถึง พีพีอาร์ (PPR: PP random copolymer pipe) 80,000 ตันต่อปี ใช้ผลิตท่อน้ำร้อนน้ำเย็นชนิดทนทานพิเศษไร้สารทาเลตได้เป็นรายแรกของภูมิภาค และเอชดีพีอี 100- อาร์ซี (HDPE 100-RC) 40,000 ตันต่อปี ใช้ผลิตท่ออุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ที่มีความแข็งแรง ทนทาน และมีอายุการใช้งานนานถึง 100 ปี ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2024
นอกจากนี้ IRPC พร้อมเสิร์ฟโปรดักต์คุณภาพ ภายใต้แบรนด์ “POLIMAXX” ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี หรือเม็ดพลาสติกที่นำไปผลิตหรือขึ้นรูปเป็นชิ้นงานอื่นๆ ที่ตอบโจทย์การนำไปผลิตในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยจะมีเพิ่มตราสัญลักษณ์แสดงคุณสมบัติเด่นของผลิตภัณฑ์ ที่ช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่กลุ่มลูกค้า คู่ค้า และผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น
โดยตราสัญลักษณ์แสดงคุณสมบัติเด่นของผลิตภัณฑ์ จะมีตั้งแต่ Pro-Efficient เป็นผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน, Life-Pro เป็นผลิตภัณฑ์ส่งเสริมความปลอดภัยต่อชีวิตและสุขภาพ เช่น ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทางการแพทย์ และสุขอนามัย ส่วน Dura-Pro เป็นผลิตภัณฑ์ที่เสริมความแข็งแรง ทนทาน เช่น ชิ้นส่วนรถยนต์ ท่อและอุปกรณ์การก่อสร้าง และเครื่องใช้ไฟฟ้า และสุดท้าย Eco-Pro เป็นผลิตภัณฑ์ส่งเสริมการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในครัวเรือน บรรจุภัณฑ์ และเฟอร์นิเจอร์
และเหนืออื่นใด นอกจากจะมุ่งดำเนินธุรกิจสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน อีกสิ่งหนึ่งซึ่ง IRPC ให้ความสำคัญมาโดยตลอดคือการมีส่วนร่วมในการดูแลสังคมและประเทศชาติ โดย IRPC พร้อมสนับสนุนแผนยุทธศาสตร์ประเทศ ผ่านการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรมการแพทย์ หนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมาย (New S-curve) ตามนโยบาย Thailand 4.0 ขณะเดียวกัน ก็มุ่งมั่นต่อยอดนวัตกรรมสร้างคุณค่าให้สังคม ควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อม โดย IRPC ตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ลง 20% ภายในปี 2030 จากปีฐาน 2018 และเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายในปี 2060
ทั้งนี้ ล่าสุดได้ IRPC ได้ร่วมกับกลุ่ม ปตท. ในการศึกษาพัฒนาและลงทุนผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานชีวภาพแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel : SAF) เพื่อมุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสำหรับอุตสาหกรรมการบินทั่วโลก
สุดท้ายแล้วต้องบอกว่า นี่คือการเดินหน้าทางกลยุทธ์ของ IRPC ที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก และทั้งหมดทั้งมวลล้วนมาจากรากฐานวิสัยทัศน์ “สร้างสรรค์นวัตกรรมการใช้วัสดุและพลังงาน เพื่อชีวิตที่ลงตัว” โดยใช้พลังที่มีอยู่ในองค์กร ทั้งนวัตกรรม องค์ความรู้ และความเชี่ยวชาญของบุคลากร สร้างสรรค์พัฒนานวัตกรรมและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ พร้อมทั้งดูแลสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ภายใต้การกำกับดูแลกิจการที่ดี มีธรรมาภิบาล รวมทั้งคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทฯ ให้เติบโตไปพร้อมกัน