ผู้จัดการรายวัน 360 - “ช้าง” ออกศึก ปลุกตลาดเบียร์ 2 แสนล้าน ส่ง “ช้าง พาสเจอไรซ์” ที่สุดของเบียร์สดเหมือนดื่มจากต้นกำเนิด ด้วยนวัตกรรมการผลิตและการขนส่งแบบพิเศษ อยากดื่มต้องมาที่เชียงใหม่และเชียงรายเท่านั้นในช่วงนี้
นายเลสเตอร์ ตัน ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุดสายธุรกิจเบียร์ประเทศไทย บริษัท ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดเบียร์มูลค่า 2 แสนล้านบาท หรือประมาณ 2,000 ล้านลิตรต่อปี ช่วง 2 ปีที่ผ่านมาตลาดลดลงเหลือประมาณ 1,900 ล้านลิตร เพราะร้านอาหาร ผับ บาร์ ไม่ปิด อีเวนต์ห้ามจัด เหลือเพียงผู้บริโภคซื้อไปดื่มที่บ้านเท่านั้น
ขณะเดียวกัน ตลาดเบียร์เมืองไทยค่อนข้างนิ่ง ไม่มีอะไรแปลกใหม่ ไม่มีนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาสร้างสีสัน และดึงดูดผู้บริโภคไว้ ภายใต้สถานการณ์ที่ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากขึ้น ส่งผลให้หันไปสนใจเครื่องดื่มประเภทอื่นแทน โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักที่ชื่นชอบ และทดลองอะไรใหม่ๆ
ในส่วนของช้างเอง หลายปีที่ผ่านมาได้นำเสนอนวัตกรรมเข้ามาในตลาดเบืยร์อย่างต่อเนื่อง เช่น ช้างโคลด์ บรูว์ ในปี 2562 และช้าง เอสเปรสโซ ลาเกอร์ ในปี 2564 ที่ผ่านมา ล่าสุดในช่วงปลายปี 2565 นี้พร้อมเปิดตัว “ช้าง อันพาสเจอไรซ์” หรือ เบียร์ที่มีกระบวนการผลิตแบบไม่ผ่านความร้อน เพื่อคงความหอมและสดใหม่ มุ่งเจาะกลุ่มตลาดนิวเจน พรีเมียม ในรูปแบบเบียร์สด เบื้องต้นจำหน่ายเพียง 2 จังหวัด คือ เชียงราย และเชียงใหม่เท่านั้น สำหรับ “ช้าง อันพาสเจอไรซ์” ผลิตขึ้นมาภายใต้ 3 ปัจจัยหลัก คือ 1. Unpasteurized กระบวนการผลิตที่ไม่ผ่านความร้อน เพื่อคงความหอมและสดใหม่อันเป็นเอกลักษณ์ 2. Nitrogination ผลิตด้วยกระบวนการไนโตรจิเนชัน เพื่อให้อณูฟองที่ละเอียดและนุ่ม และ 3. Cold Chain ขนส่งพิเศษแบบโคลด์เชนเพื่อคงไว้ซึ่งความสด จึงต้องควบคุมอุณหภูมิให้ไม่เกิน 4 องศาเซลเซียส ตลอดการขนส่งตรงจากโรงงานกำแพงเพชร ถึงร้านอาหารและโรงแรมในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย ภายในเวลา 4-6 ชั่วโมง เพื่อคงความสดใหม่และรสชาติ
นอกจากนี้ “ช้าง อันพาสเจอไรซ์” ยังให้ความสำคัญในการควบคุมคุณภาพในทุกมิติ ทั้งการอบรมพนักงานที่เกี่ยวข้องในการดูแลเก็บรักษา การออกแบบตู้เย็นและอุปกรณ์การเสิร์ฟเบียร์ให้กับร้านอาหารและโรงแรม เพื่อเก็บรักษาคุณภาพของเบียร์ “ช้าง อันพาสเจอไรซ์” ให้คงความสดใหม่ขวดทรงแชมเปญพรีเมียมสีเขียวขนาด 1.5 ลิตร ราคา 500 บาท
นายเลสเตอร์กล่าวต่อว่า มั่นใจว่า “ช้าง อันพาสเจอไรซ์” จะมาเสริมความแข็งแกร่งในตลาดพรีเมียม ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ โดยวางจำหน่ายเฉพาะพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และเชียงรายก่อน ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป ในช่องทางขาย ร้านอาหาร และโรงแรมชั้นนำ และคาดว่า “ช้าง อันพาสเจอไรซ์” จะกลายเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของทั้งจังหวัดเชียงใหม่และเชียงรายของนักดื่มและนักท่องท่องเที่ยว
