OR แย้มเตรียมปิดดีลร่วมลงทุนธุรกิจใหม่ต้นปี 2566 ในกลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมท่องเที่ยว สุขภาพและความงามเพิ่มเติม เดินหน้าเร่งจัดทำแผนลงทุนปี 2567 เสนอต่อที่ประชุม STS ในเดือน พ.ค.นี้
นางสาวราชสุดา รังสิยากูล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการโครงการ ORion บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทมีดีลที่อยู่ระหว่างเจรจาร่วมทุนในส่วนของธุรกิจท่องเที่ยวทั้งรูปแบบชุมชนและแพลตฟอร์มท่องเที่ยวรวมทั้งธุรกิจสุขภาพและความงาม นับเป็นการขยายการลงทุนในส่วนของธุรกิจเดิม คาดว่าเห็นความชัดเจนเพิ่มเติมได้ในช่วงต้นปี 2566 ในลักษณะของการร่วมลงทุน (JV)
รวมถึงการแสวงหาโอกาสเข้าลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ ซึ่งเป็นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเทรนด์ใหม่ๆ เช่น กลุ่มคนรักสัตว์ และสังคมผู้สูงอายุ (Aging Society) เป็นต้น ทั้งนี้ การลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ยังต้องรอความชัดเจนหลังจากจัดทำแผนแล้วเสร็จ และนำเสนอต่อที่ประชุมกำหนดยุทธศาสตร์และทิศทางในอนาคตของกลุ่ม ปตท. (Strategic Thinking Session : STS) ซึ่งคาดว่าจะชัดเจนได้ช่วงครึ่งแรกปี 2566
นางสาวราชสุดากล่าวว่า OR อยู่ระหว่างทบทวนแผนการลงทุนธุรกิจใหม่ในปี 2566 ว่าเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ พร้อมเตรียมจัดทำแผนการลงทุนในปี 2567 เพื่อนำเสนอในการประชุม STS ประมาณช่วงเดือน พ.ค. 2566 โดยตั้งเป้าหมายว่าจะดำเนินการใน 2 เรื่องหลัก คือ การทบทวนการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมเดิมว่ายังมีธุรกิจใดที่อาจตกหล่น หรือยังไม่เกิดขึ้นได้ตามเป้าหมายบ้าง เช่น ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage : F&B), ธุรกิจสุขภาพและความงาม (Health & Wellness), ธุรกิจท่องเที่ยว (Tourism), ธุรกิจเสริมศักยภาพเอสเอ็มอี (Empowering SMEs) เป็นต้น และการแสวงหาการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่ไม่เคยลงทุนมาก่อน
“ธุรกิจที่โออาร์จะเข้าไปลงทุน เราจะดูตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำว่าสามารถเข้าไปทำอะไรได้บ้าง เช่น ธุรกิจสัตว์เลี้ยงจะเข้าไปดูว่าทำอะไรได้ จะมีความเชื่อมโยงกับแพลตฟอร์มธุรกิจของโออาร์อย่างไร ก็เป็นเทรนด์ แต่ยังไม่ได้ศึกษาตลาด หากจะเข้าไปก็ต้องพิจารณาและศึกษารายละเอียดให้รอบด้าน”
อย่างไรก็ตาม การขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่เพิ่มเติมนั้น โออาร์จะยึดตามวิสัยทัศน์ “เติมเต็มโอกาส เพื่อทุกการเติบโตร่วมกัน” หรือ “Empowering All Toward Inclusive Growth” ที่จะเน้นสร้างการเติบโตทางธุรกิจไปพร้อมกับพันธมิตรร่วมลงทุนและชุมชนหรือผู้บริโภคจะต้องได้ประโยชน์ และจะเข้ามาต่อยอดแพลตฟอร์ม All in one app ซึ่งจะเปิดตัวได้ในช่วงต้นปี 2566 และสร้างตลาดบนโลกออนไลน์ เชื่อมออฟไลน์กับออนไลน์เข้าด้วยกัน โดยตั้งเป้าหมายภายใน 5 ปี จะมีสมาชิกมาใช้บริการผ่าน app ประมาณ 14 ล้านคน มีจำนวนร้านค้าอยู่ที่ 2 แสนร้านค้า ขณะที่ปัจจุบันมีฐานลูกค้าที่เป็นสมาชิกบัตรบลูการ์ดราว 7.5 ล้านคน
สำหรับงบประมาณที่จะใช้รองรับการขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่ใน 5 ปีหน้าอยู่ที่ 30,000ล้านบาท หรือเฉลี่ยปีละ 5,000 ล้านบาท