OR ลั่นยอดขายน้ำมันปีหน้าพุ่ง หลังเดินหน้าขยายปั๊มน้ำมันและร้านคาเฟ่ อเมซอนเพิ่มเติมใกล้เคียงปี 65 แย้ม 9 เดือนแรกปีนี้ยอดขายโตขึ้นจากปีก่อน 18% และมีส่วนแบ่งการตลาดโตแตะ 43.2% พร้อมเป็นพี่เลี้ยงนำ บ.ปลูกผักเพราะรักแม่แบรนด์ “โอ้กะจู๋” เข้าระดมทุนในตลาดหุ้นในปี 67
นายสุชาติ ระมาศ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR) เปิดเผยว่าขณะนี้ ORมียอดขายน้ำมันเติบโตสูงขึ้นเกิดจากการเดินทางที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวดีขึ้นหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย และสถานีบริการน้ำมันพีทีที สเตชั่นมีร้านค้าต่างๆ และเน็ตเวิร์กครบครัน (One Stop Service) ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ครบทุกด้าน โดยจะเห็นได้ว่าจำนวนผู้มาใช้บริการปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่าช่วงก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 แล้ว ซึ่งล่าสุดมีจำนวนผู้มาใช้บริการเฉลี่ยเกือบ 4 ล้านคนต่อวัน จากเดิมที่อยู่ราว 3 ล้านคนต่อวัน ทำให้ทั้งปีคาดว่าบริษัทมียอดขายน้ำมันและส่วนแบ่งการตลาดจะเติบโตดีกว่าปี 2564 และคาดว่ายอดขายน้ำมันจะเติบโตขึ้นต่อเนื่องในปี 2566
OR มียอดขายน้ำมันในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้อยู่ที่ 1.6 หมื่นล้านลิตร โตขึ้นจากปีก่อน 18% และมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 43.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีส่วนแบ่งการตลาดเพียง 41.8%
นายสุชาติกล่าวว่า OR มีแผนขยายสถานีบริการน้ำมันที่คาดใกล้เคียงกับปีนี้ หรือราว 100 สาขา จากปัจจุบันที่มีจำนวน 1,957 แห่ง และร้านคาเฟ่อเมซอนเพิ่มขึ้นอีกจำนวน 400 สาขา จากปัจจุบันที่มีจำนวน 3,927 สาขา ขณะที่แผนการขยายสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV) คาดว่าภายในช่วงสิ้นปีนี้จะมีประมาณ 300 จุด ซึ่งมองว่าครอบคลุมในเส้นทางสายหลักๆ แม้อาจลดลงกว่าเป้าเดิมที่วางไว้ 500 จุด เนื่องจากการแข่งขันและความต้องการอุปกรณ์ชาร์จไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตามบริษัทตั้งเป้าในปี 2566 จะขยายสถานีชาร์จ EV เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 500 จุด และรวมทั้งหมดเป็น 800 จุด
ทั้งนี้ OR ยังคงมุ่งเน้นการลงทุนเพื่อต่อยอดและสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Mobility & Lifestyle มุ่งตอบสนองผู้บริโภค เพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์และช่องทางการจำหน่าย ตอบโจทย์การใช้ชีวิตทุกรูปแบบของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว รวมทั้งสร้างโอกาสในการเติบโตร่วมกันกับพันธมิตรในแบบ inclusive growth ซึ่งเป็นไปตามแนวทางการดำเนินธุรกิจของ OR ที่มุ่งเน้นเติบโตในแบบ Outside-In โดยแสวงหาโอกาสการลงทุนในตลาดใหม่ๆ ร่วมกับพันธมิตร อีกทั้ง OR ยังคงให้ความสำคัญต่อ 3P หรือสังคมชุมชน (People) สิ่งแวดล้อม (Planet) และผลประกอบการ (Performance) อย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำวิสัยทัศน์ Empowering All toward Inclusive Growth หรือเติมเต็มโอกาสเพื่อทุกการเติบโตร่วมกัน
นายสุชาติกล่าวว่า ขณะนี้บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจร้านอาหารเพื่อสุขภาพ ภายใต้แบรนด์ โอ้กะจู๋ ที่ OR ถือหุ้นอยู่ 20% มีแผนนำบริษัทดังกล่าวเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในปี 2567 โดยเบื้องต้น OR จะรักษาสัดส่วนการถือหุ้นใกล้เคียงเดิมในบริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด ภายหลังการเพิ่มทุนในครั้งนี้
ทั้งนี้ OR พร้อมเป็นพี่เลี้ยงในการนำบริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งในไตรมาส 3/2565 บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่มีผลกำไรแล้ว โดยปีหน้าโอ้กะจู๋มีแผนขยายสาขาเพิ่มขึ้นทั้งในและนอกปั๊มน้ำมัน พร้อมทั้งเปิดสาขาไดรฟ์ทรูในปั๊มน้ำมันพีทีที สเตชั่นด้วย
นายชลากร เอกชัยพัฒนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ มีแผนเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ภายในปี 2567 เพื่อนำเงินที่ได้ไปใช้ลงทุนใน 3 ส่วน ได้แก่ การขยายสาขาแบรนด์โอ้กะจู๋, ขยายแบรนด์ร้านอาหารใหม่ๆ, พัฒนาแพลตฟอร์มรองรับการขาย, ขยายฟาร์ม และใช้คืนหนี้สินบางส่วน
ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียนราว 225 ล้านบาท โดยจะมีการเพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 80 ล้านบาท เพื่อให้เป็นไปตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ
บริษัทฯ วางเป้าหมายรายได้ในปี 2567 เติบโตขึ้นแตะ 2,000 ล้านบาท จากปีนี้คาดทำได้ 1,200 ล้านบาท เป็นไปตามการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 คาดเพิ่มอีก 6 สาขา และในปี 2566 ก็มีแผนเพิ่มอีกจำนวน 6 สาขา โดยจะเน้นไปที่ภาคตะวันออกและกรุงเทพฯ จากปัจจุบันมีสาขาหลักอยู่ทั้งสิ้น 18 สาขา ส่วนการขยายสาขาในปั๊มน้ำมันพีทีที สเตชั่นในปีหน้าคาดเพิ่มอีก 80 จากปีนี้มีอยู่ 44 สาขา
บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด เป็นผู้ดำเนินกิจการร้านอาหารเพื่อสุขภาพภายใต้แบรนด์ “โอ้กะจู๋” มีจุดเด่นในเรื่องความสดใหม่ของผักที่ปลูกด้วยระบบเกษตรอินทรีย์ และส่งตรงจากฟาร์มผักขนาดใหญ่ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยเมื่อปี 2564 ที่ผ่านมา OR ได้เข้าลงทุนในบริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด เพื่อเพิ่มความหลากหลาย และเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ซึ่งมีไลฟ์สไตล์ที่ให้ความสำคัญต่อสุขภาพ ตลอดจนเป็นการสนับสนุนผู้ประกอบการ SME และเกษตรกรผู้ปลูกผักในรูปแบบเกษตรอินทรีย์ให้มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการที่มีโอกาสเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าผ่านทางสถานีบริการน้ำมันพีทีที สเตชั่น และ ร้านคาเฟ่ อเมซอนที่มีสาขาทั่วประเทศ สอดคล้องกับนโยบายการดำเนินธุรกิจของ OR ที่มุ่งสร้างคุณค่าร่วมให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มอย่างสมดุลและยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าและบริการเพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้ผู้บริโภค พร้อมทั้งช่วยสนับสนุนและสร้างผู้ประกอบการรายย่อย (SME) ในการดำเนินธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกสินค้าและบริการอื่นๆ (Non-Oil) ตลอดจนพัฒนาคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจชุมชนในทุกพื้นที่ที่ OR เข้าไปดำเนินธุรกิจ
นางสาวราชสุดา รังสิยากูล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการโครงการ ORion บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจใหม่ บริษัทฯ อยู่ระหว่างมองหาธุรกิจใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น Health & Wellness, F&B, Tourism, Empowering SMES เพื่อเข้าลงทุนทั้งในรูปแบบซื้อกิจการ M&A และการร่วมลงทุน JV คาดว่าจะเห็นภาพชัดเจนได้ภายในปีหน้า เพื่อเข้ามาต่อยอดแพลตฟอร์ม All in one app ซึ่งจะเปิดตัวได้ในช่วงต้นปี 2566 และสร้างตลาดบนโลกออนไลน์ เชื่อมออฟไลน์กับออนไลน์เข้าด้วยกัน