ผู้จัดการรายวัน 360 - “โมชิ โมชิ” ยื่นไฟลิ่งต่อ ก.ล.ต.แล้ว ล่าสุดโชว์ศักยภาพเบอร์ 1 ร้านค้าปลีกกลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ด้วยแผน 3 ปีเปิดอีก 65 สาขา ปูทางสู่การขายแฟรนไชส์ และตลาดต่างประเทศ พร้อมการเติบโตต่อเนื่อง มั่นใจปี 65 ยอดขายดีขึ้น จากปีก่อนปิดยอดขายที่ 1,255.8 ล้านบาท
นายสง่า บุญสงเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ MOSHI ผู้นำในธุรกิจร้านค้าปลีกและร้านค้าส่งสินค้าไลฟ์สไตล์ ภายใต้แบรนด์ “Moshi Moshi” เปิดเผยว่า หลังจาก 15 มิ.ย. 2565 ที่ผ่านมา บริษัทได้แปลงสภาพบริษัทเป็นบริษัทมหาชนแล้วนั้น เวลานี้อยู่ในช่วงการยื่นไฟลิ่งต่อทาง ก.ล.ต.แล้ว
ในมุมของการดำเนินธุรกิจ มั่นใจว่าธุรกิจร้านค้าปลีกประเภทสินค้าไลฟ์สไตล์มีมูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ 3,000-5,000 ล้านบาทต่อปี ยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก เติบโตสูงปีละไม่ต่ำกว่า 20.4% เมื่อเทียบกับตลาดค้าปลีกรวมที่โตปีละประมาณ 7% โดยกลุ่มค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์มีมูลค่าเพียง 0.2% เทียบกับค้าปลีกรวมในปี 2564 ที่ผ่านมา และภายในปี 2569 จะเพิ่มเป็น 0.3% โดยโมชิ โมชิ เป็นผู้นำตลาดในกลุ่มค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์ ด้วยส่วนแบ่งการตลาดถึง 37.6%
ภาพรวมอุตสาหกรรมค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์ในประเทศไทยในอีก 5 ปีข้างหน้า (2564-2569) คาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในระดับ 20.4% ต่อปี ตามทิศทางเศรษฐกิจไทยคาดว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องจากปัจจัยการเปิดให้บริการของศูนย์การค้า โรงเรียน และสถานที่ทำงานอย่างเต็มรูปแบบ และภาคการท่องเที่ยวซึ่งปริมาณนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ทยอยกลับมาเที่ยวที่ประเทศไทย ส่งผลให้เกิดความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ (Economic Sentiment) กำลังซื้อของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยบวกต่อตลาดค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์ได้รับผลประโยชน์จากปัจจัยและกลไกสำคัญที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าวไปด้วย รวมถึงการขยายตัวของความเป็นเมือง (Urbanization) ที่ส่งผลให้กำลังซื้อของชนชั้นกลางเพิ่มขึ้นอีกด้วย (อ้างอิงข้อมูลจาก Frost & Sullivan)
ทั้งนี้ ทางบริษัทได้วางแผนธุรกิจใน 3 ปีจากนี้ว่าจะต้องมีการเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเรื่องของการขยายสาขา จากปัจจุบันอยู่ที่ 100 สาขา ปีหน้าจะขยายเพิ่มอีก 20 สาขา เน้นสาขาในต่างจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดที่ยังเข้าไม่ถึง หรือภายในปี 2568 จะเปิดให้ครบ 165 สาขา นอกจากนี้ ปีหน้าจะเปิดแบบสแตนด์อะโลนอีก 2 สาขา ใช้เป็นสาขาทดลองเพื่อนำไปสู่การขายแฟรนไชส์ต่อไปในอนาคต โดยโอกาสขยายสาขายังมีอีกมาก เนื่องจากหากเทียบสัดส่วนสาขาโมชิโมชิตอนนี้มีเพียง 15.8% เท่านั้นเมื่อเทียบกับจำนวนห้างค้าปลีก และไฮเปอร์มาร์เกตต่างๆ
ที่สำคัญยังได้ฟอร์มทีมขึ้นมาศึกษาตลาดต่างประเทศอีกส่วนหนึ่งด้วย คาดว่าน่าจะเริ่มบุกต่างประเทศได้ในเฟสถัดไป หรือหลังจากปี 2568 ไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม แนวทางการเติบโตจะอยู่ภายใต้ 5 กลยุทธ์ ดังต่อไปนี้ คือ 1. ขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง 2. เพิ่มการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม 3. เพิ่มความสามารถในการเติบโตของกำไร 4. ลงทุนพัฒนาระบบไอทีอย่างต่อเนื่อง และ 5. พัฒนาช่องทางจำหน่ายสินค้าและธุรกิจใหม่ๆ จากปัจจุบัน โมชิ โมชิ มีสินค้าวางจำหน่ายกว่า 18,000 SKU แบ่งออกเป็น 12 กลุ่ม เช่น เครื่องใช้ภายในบ้าน เครื่องเขียน เครื่องสำอาง กระเป๋า เสื้อผ้า อุปกรณ์ไอที รวมถึงสินค้าลิขสิทธิ์ โดยมีการพัฒนาออกสินค้าใหม่อีกปีละ 8,000 SKU รวมถึงคอลเลกชันใหม่ทุกเดือน ทุกเทศกาล นอกจากนี้ ยังมีแวร์เฮาส์ พื้นที่กว่า 20,500 ตารางเมตร ที่นครปฐม รองรับสต๊อกสินค้าได้ถึง 220 สาขาที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต
MOSHI มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่ปี 2559 เป็นร้านค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์ที่นำเสนอสินค้าที่คุ้มค่า มีดีไซน์สวยงาม ทันสมัย และหลากหลายอยู่เสมอ รวมทั้งมีการตกแต่งร้านค้าให้น่าสนใจและมีสินค้าใหม่ๆ เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาเลือกซื้อสินค้าอยู่เสมอ แม้ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ธุรกิจค้าปลีกได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ทำให้มีการปิดร้านค้าชั่วคราวตามห้างสรรพสินค้า และกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ลดลง MOSHI จึงได้มุ่งเน้นช่องทางขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้นและได้มีการปรับเปลี่ยนการขายสินค้าให้เข้ากับสถานการณ์ เช่น หน้ากาก ชุดตรวจ ATK เป็นต้น ทำให้บริษัทฯ ยังสามารถทำกำไรสุทธิได้ต่อเนื่อง และในช่วงไตรมาสที่ 4/2564 ธุรกิจร้านค้าปลีกกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งจากการคลายมาตรการล็อกดาวน์ การทยอยเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงการที่ภาครัฐและผู้ประกอบการต่างออกมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย
ด้านนางสาวศุภรดา โรจน์วัฒนะ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน บริษัท โมชิ โมชิ รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า บริษัทให้ความสำคัญในเรื่องของการเติบโตที่เกิดจากการบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อนำไปสู่โอกาสอัตราการทำกำไรขั้นต้น และกำไรสุทธิ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องการสั่งสินค้าล่วงหน้า วิเคราะห์การซื้อขายกับทางซัปพลายเออร์ ออกแบบสินค้าที่ทันสมัย แต่ก็ต้องลดต้นทุนไปในตัว
ปัจจุบัน โมชิ โมชิ มีศักยภาพในการทำกำไรขั้นต้นสูงถึง 50% มากกว่าค่าเฉลี่ยตลาดรวมอยู่ที่ 21% และกำไรสุทธิ 7-8% มากกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดรวมที่อยู่ที่ 5% เห็นได้จากยอดขายช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาทำได้กว่า 791 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 612.6 ล้านบาท โดยรวมปี 2565 นี้คาดว่าจะมียอดขายเติบโตประมาณ 21% จากปีที่แล้ว ขณะที่ยอดขายสาขาเดิมปีนี้เติบโตเฉลี่ย 21% โดยสัดส่วนยอดขายมาจาก ค้าปลีก 87% จากค้าปลีกแบบมีส่วนลด 12% และอื่นๆ ที่เหลือ เช่น ช่องทางลาซาด้า ช้อปปี้ และป็อปอัพ เป็นต้น บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญด้านการพัฒนาและออกแบบสินค้าเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายและเทรนด์ในการใช้สินค้าที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันของบริษัทฯ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาและออกแบบสินค้าใหม่ที่หลากหลายทั้งประเภทสินค้า รูปแบบและลวดลายให้น่าสนใจและมีเอกลักษณ์ รวมถึงจุดแข็งด้านคุณภาพในราคาเข้าถึงได้ทำให้ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าในชีวิตประจําวัน สร้างความประทับใจและเพิ่มประสบการณ์การเลือกซื้อสินค้ารับกับโอกาสการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ที่สนับสนุนให้มีความต้องการในการซื้อสินค้าไลฟ์สไตล์กลับมาเพิ่มขึ้น
แม้ว่ารายได้ของบริษัทฯ ในช่วงการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 จะปรับตัวลดลง แต่บริษัทฯ ได้มีการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง โดยรวมถึงการปรับ Product Mix ให้เข้ากับสถานการณ์ จึงทำให้ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ยังคงสามารถรักษาระดับกำไรได้อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ เชื่อว่าจากการที่สถานการณ์ในปัจจุบันเริ่มคลี่คลายไปในทิศทางบวก ทั้งการกลับมาเข้าเรียนในโรงเรียน การกลับเข้ามาทำงานที่สถานที่ทำงาน และการเฉลิมฉลองในงานเทศกาลต่างๆ จะเป็นปัจจัยสนับสนุนเชิงบวกต่อการเติบโตของธุรกิจค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์