ผู้จัดการรายวัน 360 - “เดอะ คอฟฟี่ คลับ” รับผลดีหลังเดินเกมได้ตามแผนงาน พลิกสถานภาพเพียงปีเดียว ลั่นสัดส่วนคนไทยปีนี้เติบโตดีขึ้น คาดยอดขาย 500 ล้านบาท ลุยเปิดสาขาโมเดลใหม่ แกร็บแอนด์โก ขยายฐานลูกค้าคนไทยต่อเนื่องสัดส่วน 60% แล้ว
นางนงชนก สถานานนท์ ผู้จัดการทั่วไป เดอะ คอฟฟี่ คลับ ภายใต้การดำเนินงานของ บริษัท เดอะ ไมเนอร์ ฟู้ด กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า การดำเนินงานของร้านเดอะ คอฟฟี่ คลับ ในปีนี้ (2565) ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้หลังจากที่ได้เข้ามารับผิดชอบดูแลเมื่อปลายปีที่แล้ว ส่งผลให้สถานภาพของเดอะคอฟฟี่คลับเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นกลับไปใกล้เคียงกับก่อนที่จะเกิดโควิด-19 ระบาดหนักช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าปีนี้จะมียอดขายรวมประมาณ 500 กว่าล้านบาท เติบโตมากกว่า 150% เพิ่มจากปีที่แล้วที่มียอดขายรวมประมาณ 200-300 กว่าล้านบาท ส่วนปีหน้าตั้งเป้าหมายรายได้รวมไว้ที่ 800 ล้านบาท
“ที่ผ่านมา เดอะ คอฟฟี่ คลับ เห็นสัญญาณบวกจากการผ่อนคลายมาตรการป้องกันโควิด-19 ส่งผลให้แบรนด์เร่งเครื่องเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยความสำเร็จมาจากการพัฒนาและปรับปรุงเมนูใหม่ๆ ทั้งในกลุ่มที่เป็นซิกเนเจอร์อย่าง เมนูอาหารเช้า (Breakfast Credentials) และเครื่องดื่มเมนูกาแฟ (Coffee Credentials) ให้ตรงใจผู้บริโภคมากขึ้น อีกทั้งจุดเด่นของแบรนด์ที่ทำให้ผู้บริโภคเลือกที่จะเข้ามาใช้บริการเนื่องจากมีอาหารและเครื่องดื่มให้นั่งรับประทานสบายๆ ได้ตลอดทั้งวันแบบออลเดย์ไดนิ่ง ซึ่งถือว่าตอบโจทย์การตลาดในการทำให้แบรนด์สามารถเข้าถึงไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ในวงกว้างได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงการเน้นลูกค้าคนไทยมากขึ้นตามสถานการณ์ และการเปิดร้านโมเดลใหม่” นางนงชนกกล่าว
ปัจจุบันเดอะคอฟฟี่คลับเปิดบริการรวม 35 สาขา (ไม่นับรวม สุวรรณภูมิ 4 สาขา และดอนเมือง 1 สาขา ) ซึ่งเมื่อสิ้นปีที่แล้วมีรวม 30 สาขา ส่วนปีนี้มีการเปิดสาขามากขึ้น โดยเดือนธันวาคมจะเปิดที่ภูเก็ตอีก 1 สาขาที่จังค์ซีลอนโมเดลใหม่ แกร็บแอนด์โก ซึ่งจะทำให้ภูเก็ตมีรวม 7 สาขา แกร็บแอนด์โกจะเป็นโมเดลใหม่ที่บุกหนักในปีหน้า เนื่องจากมีความคล่องตัวในการลงทุน ใช้พื้นที่น้อย ลงทุนต่ำ และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ใกล้ชิดมากขึ้น
ส่วนแผนปีหน้าเบื้องต้นนี้จะเปิดสาขาใหม่รวมไม่ต่ำกว่า 6 สาขา เป็นโมเดลใหญ่ปกติ 2 สาขา และแกร็บแอนด์โกอีก 4 สาขา การขยายโมเดลธุรกิจรูปแบบใหม่ เช่น ฟูดทรัค และคีออสก์ เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ และเป็นการขยายฐานกลุ่มลูกค้าคนไทยให้เพิ่มมากขึ้นด้วย ส่งผลให้ปีหน้าคาดว่าจะมีรวมไม่ต่ำกว่า 50 สาขา
นางนงชนกกล่าวว่า สำหรับกลุ่มเป้าหมายของร้านนั้นภายหลังจากที่บริษัทได้หันมามุ่งเน้นตลาดคนไทยมากขึ้นจากเดิมมีสัดส่วนเพียง 30-40% เนื่องจากผลกระทบของโควิด-19 ทำให้ลูกค้าต่างชาติซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักเดิมมากกว่า 60-70% นั้นต้องหายไปเพราะการปิดประเทศไม่มีการเดินทาง ขณะนี้ถือว่าเป็นไปตามแผนงานเพราะมีลูกค้าคนไทยเพิ่มขึ้นเป็น 60% แล้ว ส่วนต่างชาติอยู่ที่ 40% และคาดว่าปีหน้าจะเป็นลูกค้าคนไทยเพิ่มเป็น 70% ลูกค้าต่างชาติ 30% จากการปรับเปลี่ยนเมนููอาหาร การทำโปรโมชัน การปรับราคาให้สอดคล้องกับคนไทย และการหาทำเลที่เหมาะสมเป็นต้น
ทั้งนี้ เดอะคอฟฟี่คลับมีการทำระบบสมาชิกด้วย (VIP Member) ซึ่งถือเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ขยายฐานสมาชิกลูกค้าได้มากขึ้น ขณะนี้มีประมาณ 85,000 ราย โดยตั้งเป้าหมายว่าสิ้นปีนี้จะมีฐานสมาชิกประมาณ 100,000 ราย และปีหน้าเพิ่มเป็น 200,000 ราย จากฐานสมาชิกเมื่อปีที่แล้วประมาณ 20,000 ราย ซึ่งมีสัดส่วนรายได้มาจากฐานสมาชิกประมาณ 15% ตั้งเป้าหมายว่าปีหน้าจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากสมาชิกเป็น 30% เนื่องจากฐานสมาชิกจะมีความถี่ในการมาใช้บริการมากกว่าลูกค้าทั่วไป 3 เท่า
เดอะคอฟฟี่คลับวางแผนงานด้วย 3 กลยุทธ์หลัก คือ
1. ความเป็นที่สุดด้านกาแฟและอาหารเช้า (Winning in Coffee & Breakfast Credentials) หัวใจสำคัญที่ทำให้ร้านมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกกว่า 30 ปี คือ “กาแฟ” การันตีด้วยรางวัล "Golden Bean Award" จากออสเตรเลีย 3 ปีซ้อน ปลายปีนี้จะเปิดตัวกาแฟฟรุตตี้ใหม่ 2 เมนู ได้แก่ กาแฟมะพร้าว (Espresso Coconut) และกาแฟส้มจี๊ด (Espresso Soomjeed) อีกทั้งการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่ม กาแฟดริป (Drip Coffee) เพื่อเป็นอีกทางเลือกสำหรับลูกค้า รวมถึงอีกหนึ่งไฮไลต์คือเมนูออลเดย์เบรกฟาสต์ทั้งสไตล์ไทยและฝรั่ง
2. การส่งมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้า (Winning in Experience) นำเสนอเมนูอาหาร ของหวาน เบเกอรี เครื่องดื่มใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า รวมถึงการทยอยปรับดีไซน์ร้านที่มีอยู่ในปัจจุบันให้มีความทันสมัยมากขึ้น พร้อมการเปิดสาขาเพิ่มตามแหล่งท่องเที่ยวหลัก คู่ไปกับการขยายธุรกิจในรูปแบบ Grab & Go ที่มีขนาด 30-40 ตารางเมตร
3. การสร้างประสบการณ์พิเศษสำหรับลูกค้าและสมาชิก (Winning in VIP Member) เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิมและขยายฐานกลุ่มลูกค้าใหม่ นำเสนอสิทธิพิเศษมากมายเฉพาะลูกค้าที่เป็นสมาชิกเท่านั้น เช่น จัดทำโปรโมชันสุดพิเศษเมื่อเติมเงินผ่าน The Coffee Club Gift Card หรือในวอลเล็ตผ่านแอปพลิเคชัน The Coffee Club Thailand แจกฟรีบัตรกำนัลเพิ่ม มูลค่า 1,200 บาท สำหรับใช้รับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มของร้าน รวมถึงการมอบกาแฟฟรี 1 แก้วสำหรับลูกค้า VIP เมื่อดาวน์โหลดแอปฯ ตลอดจนยังมีตุ๊กตาจิงโจ้ “น้องคอฟฟี่” และตุ๊กตา “น้องหมีโคอะลาคลับ” รุ่นลิมิเต็ด อีดิชัน ที่เป็นสัญลักษณ์ของออสเตรเลียให้ได้สะสมเป็นเจ้าของเฉพาะเดือนพฤศจิกายนและเดือนธันวาคม 2565 นี้เท่านั้น โดยตั้งเป้าสมาชิกอยู่ที่ราว 100,000 คน