OR เผยผลการดำเนินงาน 9 เดือน ปี 2565 มีกำไรสุทธิ 11,114 ล้านบาท สูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 21.9% จากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19
นายวิศาล ชวลิตานนท์ รักษาการแทนประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงาน 9 เดือน ปี 2565 OR มีกำไรสุทธิจำนวน 11,114 ล้านบาท สูงขึ้น 21.9% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 1,993 ล้านบาท เนื่องจากทั้งรายได้ขายและบริการและ EBITDA ที่เพิ่มขึ้น 229,557 ล้านบาท และ 3,437 ล้านบาทตามลำดับ เป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่ภาครัฐใช้มาตรการผ่อนคลายมากกว่า ทำให้ภาพรวมผลการดำเนินงานดีขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ เช่นเดียวกันกับด้านปริมาณขายก็ปรับเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มธุรกิจ
แต่หากเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อน ในด้านของรายได้ขายและบริการในไตรมาส 3 กลุ่มธุรกิจ Mobility และกลุ่มธุรกิจ Global มีรายได้จากการขายและบริการลดลงจากสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกและปริมาณการขายที่ลดลง ส่วนกลุ่มธุรกิจ Lifestyle มีรายได้ขายใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจจากมาตรการควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่ผ่อนคลายขึ้น ส่วน EBITDA ในไตรมาส 3 ลดลงในทุกกลุ่มธุรกิจเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสก่อน และมีกำไรสุทธิจำนวน 701 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,892 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา OR ได้เข้าลงทุนใน บริษัท ดุสิต ฟู้ด จำกัด เพื่อเสริมสร้างศักยภาพธุรกิจ Lifestyle ของ OR โดยเพิ่มความหลากหลายของการดำเนินธุรกิจอาหาร รวมทั้งสร้างโอกาสในการเติบโตร่วมกับพันธมิตร รวมทั้งได้เข้าลงทุนในบริษัท Traveloka ผู้ประกอบธุรกิจแพลตฟอร์ดิจิทัล ด้านการท่องเที่ยวและไลฟ์สไตล์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีบริการที่หลากหลาย เพื่อให้ OR เป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินชีวิตประจำวันของผู้บริโภค ตลอดจนเป็นการสร้างโอกาสในการเติบโตร่วมกันของ Traveloka และ OR ทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งยังได้ร่วมมือกับหลากหลายพันธมิตรในการพัฒนาธุรกิจเพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้ให้บริการ Platform ของธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ยกระดับการให้บริการการเคลื่อนที่ หรือ Mobility as a Service (MaaS) ตามพันธกิจการสร้าง Seamless Mobility อีกทั้งยังได้เปิดร้าน Café Amazon สาขาแรกที่กรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย และเปิดสาขาที่ 14 ในประเทศเวียดนาม นับเป็นอีกก้าวสำคัญที่ Café Amazon จะขยายธุรกิจให้เติบโตยิ่งขึ้น และมุ่งสู่การเป็น Global Brand ต่อไป
สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในไตรมาส 4 OR ยังคงมุ่งเน้นการลงทุนเพื่อต่อยอดและสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ Mobility & Lifestyle มุ่งตอบสนองผู้บริโภค อำนวยความสะดวกให้ทุกการเดินทางเพื่อตอบโจทย์คนเดินทางในทุกรูปแบบ รวมถึงการสร้างทางเลือกสำหรับการดำเนินชีวิตที่ครบวงจรเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ตามพันธกิจของ OR