xs
xsm
sm
md
lg

SCC การันตีปี 65 ยอดขายโตตามเป้า 10% ประกาศรุก 3 ธุรกิจใหม่ทั้งพลังงานทดแทน-โลจิสติกส์- Smart Living

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



SCC พลิกเกมรับมือวิกฤตซ้อนวิกฤต รุกเข้าสู่ 3 ธุรกิจใหม่ทั้ง “ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน-ธุรกิจโลจิสติกส์ครบวงจรรายใหญ่ในอาเซียน-ธุรกิจ Smart Living” มั่นใจเป็นธุรกิจศักยภาพสูง ตอบเมกะเทรนด์โลก พร้อมหั่นงบลงทุนปีนี้เหลือ 5.5 หมื่นล้านบาทจากเดิมตั้งไว้ 8 หมื่นล้านบาท มั่นใจทั้งปีรายได้จากการขายโตขึ้น 10% ได้ตามเป้าหมาย

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCC) เปิดเผยว่า ในปี 2565 บริษัทฯ ได้รับผลกระทบอย่างสูงจากวิกฤตซ้อนวิกฤตจากวิกฤตต้นทุนพลังงานรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 10 ปีจากความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน รวมทั้งวัฏจักรปิโตรเคมีอยู่ในช่วงขาลงต่ำสุดในรอบ 20 ปี กอปรกับเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวจากการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นทั่วโลกเพื่อลดเงินเฟ้อ และนโยบายโควิดเป็นศูนย์ของจีน ยังทำให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัว

บริษัทได้เตรียมความพร้อมในการรับมือกับวิกฤตดังกล่าว โดยรักษาเสถียรภาพทางการเงินอย่างแข็งแกร่ง มีการลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายอย่างรัดกุม พร้อมทบทวนการลงทุนและชะลอโครงการใหม่ที่ไม่เร่งด่วน แต่มุ่งโครงการที่ผลตอบแทนเร็ว รวมทั้งเร่งพัฒนานวัตกรรมเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างทันท่วงที แต่ทุกวิกฤตย่อมมีโอกาส ทำให้ SCC พลิกเกมเข้าสู่ 3 ธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพสูงและตอบโจทย์เมกะเทรนด์ของโลก

ประกอบด้วย 1. ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) เพื่อมุ่งลดต้นทุน โดยเร่งพัฒนาพลังงานหมุนเวียนได้ผลเป็นที่น่าพอใจ โดยใช้พลังงานชีวมวล (Biomass) จากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร และเชื้อเพลิงจากขยะ (Refused Derived Fuel : RDF) ทดแทนพลังงานฟอสซิล โดยช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 SCC มีสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงทดแทนเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 34 จากปีก่อนร้อยละ 18 คิดเป็นกำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียน 220 เมกะวัตต์ โดยมีบริษัท เอสซีจี คลีนเนอร์ยี่ จำกัด (SCG Cleanergy) เป็นหัวหอกในการลงทุนธุรกิจเกี่ยวกับพลังงานหมุนเวียนทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนดิน (โซลาร์ฟาร์ม) โซลาร์ รูฟท็อป โซลาร์ลอยน้ำและพลังงานลม ซึ่งมีโอกาสทางธุรกิจในรูปแบบ B2B และ B2C และพัฒนาระบบซื้อขายไฟฟ้าได้ผ่านแพลตฟอร์ม Smart grid


นอกจากนี้ บมจ.เอสซีจี เคมิคอลส์ (SCGC) ร่วมลงทุนกับบริษัท Denka ประเทศญี่ปุ่น ผลิตอะเซทิลีนแบล็ก (Acelylene Black) กำลังผลิต 1.1 หมื่นตัน/ปีใน จ.ระยอง โดยอะเซทิลีนแบล็กใช้เป็นส่วนประกอบในแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนแบบชาร์จไฟได้สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และใช้เป็นวัสดุสำหรับผลิตสายส่งไฟฟ้าแรงสูงเพื่อผลิตไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง นับเป็นการเข้าสู่ธุรกิจ EV Value Chain

2. ธุรกิจโลจิสติกส์ครบวงจรรายใหญ่ในอาเซียน (ASEAN Logistics) ล่าสุด บริษัท เอสซีจี โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ (SCGL) ควบรวมธุรกิจโลจิสติกส์กับบริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) (JWD) เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรรายใหญ่ในภูมิภาคอาเซียน ด้วยบริการที่หลากหลายทั้งบริการคลังสินค้า ระบบห้องเย็น บริการขนส่งสินค้าทั้งทางบก เรือ อากาศ บริการท่าเทียบเรือ และบริการนำเข้า-ส่งออกครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำ-ปลายน้ำ

และ 3. ธุรกิจ Smart Living เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้สะดวก คุ้มค่า ปลอดภัย รักษ์โลก ได้แก่ นวัตกรรมอัจฉริยะเพื่อคุณภาพอากาศและประหยัดพลังงาน


นายรุ่งโรจน์กล่าวต่อไปว่า ในปีนี้ SCC ได้ปรับลดงบลงทุนจากเดิมที่ตั้งไว้ 8 หมื่นล้านบาท ลงเหลือ 5.5 หมื่นล้านบาท เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอน ทำให้มีการชะลอโครงการใหม่ที่ไม่เร่งด่วน ส่วนโครงการที่มีการลงทุนอยู่แล้วก็เร่งเดินหน้าตามแผน อาทิ โครงการปิโตรเคมีครบวงจร LSP เวียดนาม ซึ่งมีความคืบหน้าตามแผน 97% คาดว่าจะดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ต้นปี 2566 ซึ่งจะเป็นโครงการสำคัญทำให้ SCC มีรายได้จากการขายในปี 2566 เติบโตเพิ่มขึ้น แม้ว่าจะเผชิญวิกฤตซ้อนวิกฤตก็ตาม โดยปีนี้บริษัทคงเป้ารายได้จากการขายโต 10% จากปี 2564 ที่มีรายได้รวม 540,705 ล้านบาท

สำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกปี 2565 SCC มีรายได้จากการขาย 447,419 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นของทุกกลุ่มธุรกิจจากราคาผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาตลาด และมีกำไรสุทธิ 21,225.12 ล้านบาท ลดลง 45% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 38,867.25 ล้านบาท เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบเคมิคอลส์และต้นทุนพลังงานสูงขึ้น รวมทั้งกำไรจากบริษัทร่วมเคมิคอลส์ลดลง

“วิกฤตครั้งนี้มีความท้าทายสูง แต่ผมเชื่อมั่นว่าบริษัทจะผ่านสถานการณ์นี้และกลับมาเข้มแข็งกว่าเดิมเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา จากการปรับเปลี่ยนแผนธุรกิจอย่างทันท่วงที ลดต้นทุน ชะลอโครงการลงทุนที่ไม่เร่งด่วน ปรับแผนการผลิตให้เหมาะกับความต้องการตลาด ขณะเดียวกันลงทุนเพิ่มในธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพสูง (New S-Curve) ขณะที่สถานะทางการเงินและกระแสเงินสดของบริษัทยังแข็งแกร่ง” นายรุ่งโรจน์กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น