xs
xsm
sm
md
lg

ส่งออก ก.ย.โตต่อเนื่อง เพิ่ม 7.8% คาดทั้งปีทะลุเป้าได้เห็น 8%

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ส่งออก ก.ย. 65 ยังแรงต่อเนื่อง มีมูลค่า 24,919.3 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 7.8% บวกติดต่อกัน 19 เดือน หลังเศรษฐกิจฟื้น ทำความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้น ปัญหาขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์เริ่มคลี่คลาย และเงินบาทอ่อนค่า ทำให้แข่งขันได้ดีขึ้น ส่วนยอดรวม 9 เดือนมีมูลค่า 221,366.1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่ม 10.6% คาดทั้งปีโตทะลุเป้า 8% ได้เห็นแน่

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกเดือนก.ย. 2565 ยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง มีมูลค่า 24,919.3 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 7.8% ขยายตัวเป็นบวกติดต่อกันเป็นเดือนที่ 19 คิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 888,371.1 ล้านบาท ส่วนยอดรวม 9 เดือนของปี 2565 (ม.ค.-ก.ย.) มีมูลค่า 221,366.1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 10.6% คิดเป็นเงินบาทมูลค่า 7,523,817.4 ล้านบาท ส่วนการนำเข้า ก.ย. 2565 มีมูลค่า 25,772.5 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 15.6% ขาดดุลการค้า 853.2 ล้านเหรียญสหรัฐ รวม 9 เดือนนำเข้ามูลค่า 236,351.0 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 20.7% ขาดดุลการค้า 14,984.9 ล้านเหรียญสหรัฐ

ปัจจัยสำคัญที่ช่วยกระตุ้นการส่งออก เนื่องจากโลกกำลังกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และใช้ชีวิตในภาวะปกติ หลังการคลี่คลายของสถานการณ์โควิด-19 ทำให้การส่งออกอาหารในรูปแบบต่างๆ รวมทั้งสินค้าอุตสาหกรรม เช่น อัญมณี เครื่องประดับ สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม เครื่องใช้สำหรับการเดินทาง และเครื่องสำอาง ส่งออกได้ดีขึ้น ภาวการณ์ขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์เริ่มคลี่คลาย ส่งผลให้การส่งออกรถจักรยานยนต์และรถยนต์ รวมทั้งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่ต้องใช้เซมิคอนดักเตอร์สามารถกลับมาผลิตได้ และการอ่อนค่าของค่าเงินบาท ทำให้ไทยสามารถส่งออกสินค้าเกษตรไปแข่งขันในตลาดโลกได้ดีขึ้น โดยเฉพาะข้าวที่คาดว่าปีนี้จะทำได้เกินเป้าที่กำหนดไว้เดิม 7 ล้านตัน

ทั้งนี้ การส่งออกในเดือน ก.ย. 2565 สินค้าเกษตร เพิ่ม 2.7% สินค้าสำคัญที่ส่งออกได้เพิ่มขึ้น เช่น ไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง เพิ่ม 82.9% ผลไม้แช่แข็งและผลไม้แห้ง เพิ่ม 31.5% ทุเรียนแช่แข็ง เพิ่ม 56.2% ลำไยและลำไยแห้ง เพิ่ม 8.1% ข้าว เพิ่ม 2.7% สินค้าอุตสาหกรรมเกษตร เพิ่ม 0.8% สินค้าที่ขยายตัวได้ดี เช่น ไอศกรีม เพิ่ม 43.2% อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เพิ่ม 19.8% น้ำตาลทราย เพิ่ม 16.3% อาหารสัตว์เลี้ยง เพิ่ม 13.4% และสินค้าอุตสาหกรรม เพิ่ม 9.4% สินค้าที่ขยายตัว เช่น เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เพิ่ม 115.7% อัญมณีและเครื่องประดับ เพิ่ม 89.6% เครื่องใช้สำหรับเดินทาง เพิ่ม 77.2% รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ เพิ่ม 49.2% เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เพิ่ม 23.4% รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบ เพิ่ม 8.4%

สำหรับตลาดส่งออกที่ขยายตัว 10 อันดับแรก ได้แก่ 1. สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพิ่ม 70% 2. สหราชอาณาจักร เพิ่ม 51.5% 3. ซาอุดีอาระเบีย เพิ่ม 36.7% 4. CLMV เพิ่ม 26.3% 5. สหรัฐฯ เพิ่ม 26.2% 6. สหภาพยุโรป เพิ่ม 18.0% 7. ทวีปออสเตรเลีย เพิ่ม 15.5% 8. แคนาดา เพิ่ม 10.6% 9. อาเซียน (5) เพิ่ม 9.0% และ 10. ละตินอเมริกา เพิ่ม 6.3%

ส่วนการค้าชายแดนกับ 4 ประเทศ คือ มาเลเซีย กัมพูชา สปป.ลาว และเมียนมา เดือน ก.ย. 2565 การส่งออกมีมูลค่า 57,017 ล้านบาท เพิ่ม 7.2% และยอดรวม 9 เดือน มูลค่า 489,940 ล้านบาท เพิ่ม 19.3% โดยปัจจัยที่ทำให้การส่งออกชายแดนเพิ่มขึ้นมาจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง ทำให้แข่งขันด้านราคากับประเทศคู่แข่งทำได้ดีขึ้น ราคาน้ำมันโลกปรับตัวสูงขึ้น และความต้องการน้ำมันเชื้อเพลิงของประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้น ทำให้การส่งน้ำมันเชื้อเพลิงไทยไปเมียนมาและ สปป.ลาวมีมูลค่าสูงขึ้น ส่วนการส่งออกผ่านแดนไปจีน เวียดนาม และสิงคโปร์ มีมูลค่า 34,036 ล้านบาท ลดลง 22.9% รวม 9 เดือน มูลค่า 283,962 ล้านบาท ลดลง 23% เพราะไทยหันไปส่งออกทางเรือมากขึ้น การส่งออกไปทางบกจึงลดลง

อย่างไรก็ตาม คาดว่าแนวโน้มการส่งออกในช่วงที่เหลือของปีนี้จะยังเติบโตได้ดี และการส่งออกยังจะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไป และหลังจากประเมินสถานการณ์ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวงพาณิชย์ ประเมินว่าการส่งออกทั้งปีจะทำได้เกินไปกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 4% โดยน่าจะเกินกว่าเป้าไม่น้อยกว่า 1 เท่าตัว หรือประมาณ 8%


กำลังโหลดความคิดเห็น