ผู้จัดการรายวัน360- อีคอมเมิร์ซ 1.2แสนล้านเหรียญสหรัฐ ปี64 โต 62% เหตุมีโควิดเป็นสารเร่ง “แกร็บมาร์ท” เปิดมา2ปี ปลุกวิถีการจ่ายตลาดออนไลน์จนเกิด ล่าสุดพร้อมเปิดเกมรุกปี65 ด้วยกลยุทธ์ “คุ้ม ครบ คูล” เสริมแกร่งจุดขายด้านความคุ้มค่า เพิ่มความหลากหลายของสินค้า เล็งขยายพันธมิตรโชว์ห่วยให้ได้สัดส่วน 60%
นางสาวจันต์สุดา ธนานิตยะอุดม ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด-พันธมิตรทางธุรกิจ และธุรกิจแกร็บมาร์ท แกร็บ ประเทศไทย เปิดเผยว่า ในช่วง 2 - 3 ปีที่ผ่านมา เทรนด์การสั่งซื้อสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก และมีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดด ดูจากรายงานเศรษฐกิจดิจิทัลเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (e-Conomy SEA Report 2021) ที่ระบุว่าปี 2564 ตลาดอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีมูลค่ารวมสูงถึง 1.2 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ เติบโตขึ้น 62% จากปีก่อนหน้านี้
ขณะเดียวกันยังทำให้ตลาดควิกคอมเมิร์ซเติบโตขึ้น จนทำให้มีสัดส่วนถึง 2% ของอีคอมเมิร์ซ หรือมีมูลค่าราว 2,400 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งสถานการณ์โรคโควิด-19 เป็นปัจจัยสำคัญต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
สำหรับตลาดควิกคอมเมิร์ซแม้ความนิยมและมูลค่าตลาดอาจจะยังไม่สามารถเทียบเท่ากับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ แต่มีศักยภาพและโอกาสในการเติบโตสูงมาก โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มของสดและของชำ (Online grocery) ที่มีความจำเป็นต้องใช้ใน และในไทยมองว่ามีสัดส่วนที่ 2% ของอีคอมเมิร์ซเช่นกัน โดยตลาดควิกคอมเมิร์ซในไทยนั้นยังโดดเด่นในด้านการเติบโตติดท็อป3 เช่นเดียวกับสิงคโปร์ และอินโดนีเซียอีกด้วย
นอกจากนี้จากข้อมูลกันตาร์ยังพบว่าในไทยมีผู้เล่นหลักอยู่ราว 4 ราย และแกร็บมาร์ทมีส่วนแบ่ง 43% เป็นอันดับ 1 ของตลาด อันดับสองมีแชร์ 20% อันดับสามมีแชร์ 19% และอันดับสี่มีแชร์ 18%
ในส่วนของแกร็บมาร์ท ซึ่งเป็นบริการสั่งซื้อสินค้าแบบออนดีมานด์จากซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวกซื้อและร้านค้าทั่วไป ถือเป็นหนึ่งในธุรกิจที่ได้รับความนิยมและมีการเติบโตอย่างโดดเด่นต่อเนื่องนับตั้งแต่เริ่มเปิดให้บริการในประเทศไทยในช่วงไตรมาสสองของปี 2563 เนื่องจากเป็นบริการที่ช่วยตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ที่มองหาความสะดวกสบายในการจับจ่ายใช้สอยและความรวดเร็วในการจัดส่งแบบทันที ประกอบกับอิทธิพลจากสถานการณ์โควิดในช่วง2 ปีที่ผ่านมา ที่ส่งผลโดยตรงต่อพฤติกรรมของผู้บริโภค ทำให้ในปีที่ผ่านมา ธุรกิจแกร็บมาร์ทในประเทศไทยเติบโตขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ
ปัจจุบันแกร็บมาร์ทครอบคลุมพื้นที่การให้บริการใน 68 จังหวัด และมีร้านค้าพันธมิตรรวมกว่า 15,000 สาขา แบ่งเป็นรีเทล 50% และร้านโชว์ห่วย/ร้านค้าขนาดเล็กอีก 50% หรือมีจำนวนที่ 9000 ร้านค้า และครอบคลุมสินค้ากว่า 180,000 รายการ หรือกว่า 15 แคตากอรี่ ส่วนผู้ใช้บริการนั้น กลุ่มหลักคือผู้หญิง โดย 54% อายุ 25-34 ปี, 64% แต่งงาน/มีลูก และ65% ทำงานออฟฟิศ ซึ่งช่วงเวลาในการสั่งสินค้าผ่านแกร็บมาร์ทมากสุดคือ 11.00-13.00น. และ17.00-19.00น.
อีกทั้งยังพบด้วยว่า 5 อันดับสินค้าขายดี คือ 1. ไข่ 2. หมูบด 3. มะนาว 4. แตงกวา 5. พวงมาลัย โดยยอดขายต่อครั้งนั้น เฉลี่ยถ้าเป็นรีเทลประมาณ 700 บาทต่อครั้ง ส่วนโชว์ห่วยอยู่ที่ 100 กว่าบาทต่อครั้ง
ล่าสุดในปี 2565 นี้ แกร็บมาร์ท พร้อมเดินหน้าสร้างการเติบโตทางธุรกิจและขยายฐานผู้ใช้บริการผ่านกลยุทธ์ “คุ้ม ครบ คูล”ประกอบด้วยย 1. คุ้ม (Affordability): นำเสนอแคมเปญการตลาดและส่งเสริมการขายร่วมกับพันธมิตรร้านค้าและสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำ พร้อมมอบดีลส่วนลดต่อเนื่องตลอดทั้งปี 2. ครบ (Wide Selection): เพิ่มหมวดหมู่ของสินค้าให้ครอบคลุมและหลากหลายมากขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการในชีวิตประจำวัน และ3. คูล (User Experience): พัฒนาแอปพลิเคชัน ให้ใช้งานได้อย่างสะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น ที่สำคัญปีนี้จะเน้นเพิ่มจำนวนพันธมิตรกลุ่มร้านโชว์ห่วย หรือร้านค้าขนาดเล็กให้มากขึ้น จากเดิมมีจำนวน 9,000 ร้านค้า หรือมีสัดส่วน 50% ตั้งเป้าจะเพิ่มให้ได้ในสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 60% เพื่อสร้างการรับรู้ และเข้าถึงการใช้บริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศได้มากที่สุด
ที่สำคัญเป็นการช่วยเหลือและยกระดับร้านโชว์ห่วยให้เข้าถึงลูกค้าในยุคดิจิทัลด้วย โดยเฉพาะหัวเมืองใหญ่ หัวเมืองรองทั้งหมด จากปัจจุบัน 5 เมืองหลักที่ใช้บริหารมากสุด คือ กรุงเทพฯ ชลบุรี เชียงใหม่ ขอนแก่น และพัทยา ตามลำดับ จากนี้จะเน้นในหัวเมืองอื่นๆตามมา เช่น อุบลราชธานี อุดรธานี เชียงราย และภูเก็ต เป็นต้น.